ความเคลื่อนไหวตลาด หุ้นไทย วันนี้ (10 ตุลาคม) ดัชนี SET เปิดกระโดดลงมาอยู่ที่ 1,570.38 จุด ก่อนจะไหลลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,565.33 จุด หรือลดลง 14.33 จุด ในช่วง 1 ชั่วโมงแรก การปรับตัวลงดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปิดลบไป 2-4% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดลบไป 1-2% ส่วนตลาดหุ้นฝั่งเอเชียที่เปิดทำการเช้านี้ ตลาดหุ้นฮ่องกงติดลบ 2.5% หุ้นจีนลบ 1% หุ้นฟิลิปปินส์ลบ 1% หุ้นอินโดนีเซียลบ 0.8% ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และมาเลเซีย ปิดทำการในวันนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- 9 หุ้น จ่ายเงินปันผลสูงมากกว่า 5% ตลอด 5 ปี แถมราคาตั้งแต่ต้นปียังบวก
- 10 หุ้น ขึ้น XD จ่ายเงินปันผลสูงสุดในรอบเดือน ก.ย. 65
ทั้งนี้ ดัชนี SET ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงประมาณ 180 จุด จากราว 1,670 จุด ไปทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง ที่ระดับ 1,556 จุด โดยที่นักลงทุนรายย่อยเป็นฝ่ายที่เข้าซื้อสุทธิในหุ้นไทยสำหรับช่วง 1 เดือนครึ่งที่ผ่านมา เดือนกันยายนซื้อสุทธิ 2.66 หมื่นล้านบาท ขณะที่เดือนตุลาคมซื้อสุทธิไปแล้ว 1.63 หมื่นล้านบาท รวมซื้อสุทธิไปราว 4.3 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แรงขายของต่างชาติเริ่มออกมาอย่างเห็นได้ชัดหลังสหรัฐฯ ประกาศเงินเฟ้อสูงกว่าคาด เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565
ขณะที่หุ้นไทยในสัปดาห์นี้น่าจะซื้อขายเบาบางก่อนจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว (13-16 ตุลาคม) ก่อนจะกลับมาเปิดทำการอีกครั้งในวันที่ 17 ตุลาคม 2565 ซึ่งระหว่างนี้จะมีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในวันที่ 13 ตุลาคม ทำให้ตลาดหุ้นไทยในวันจันทร์อาจจะมีจังหวะกระโดดขึ้นหรือลงแรงได้
“หากเป็นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำอาจจะรอดูสถานการณ์ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวของหุ้นไทย”
ด้าน บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ระบุว่า อีกแรงกดดันต่อตลาดหุ้นคือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนกันยายนของสหรัฐฯ ที่ออกมาเพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่ง แข็งแกร่งกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ ทำให้ความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 1-2 พฤศจิกายนนี้
โดยตลาดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ที่อาจส่งผลให้ความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอยกลับมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังเฝ้ารอตัวเลขเงินเฟ้อของทางสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ โดยตลาดคาด 8.1%
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทย ภาพรวมในสัปดาห์นี้ยังดูไม่สดใสนักจากทั้ง Sentiment เชิงลบของทางฝั่งสหรัฐฯ และการเปิดทำงานเพียงแค่ 3 วัน ทำให้อาจมีการขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงก่อนช่วงหยุดยาวที่จะมีการประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจออกมา
ช่วงนี้จึงแนะนำแบ่งขายทำกำไรหากราคาหุ้นรีบาวด์ขึ้นในระยะสั้น ประเมินแนวรับ 1,567-1,570 จุด แต่สำหรับกลุ่มที่ยังเล่นเก็งกำไรได้ในระยะสั้นคือ กลุ่มพลังงานจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแรง
ด้าน บล.เอเซีย พลัส แนะนำให้ติดตามความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ของทั้ง 2 ซีกโลกยังคงยืดเยื้อ ทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน และสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี แม้เป็นปัจจัยที่ประเมินได้ยาก เนื่องจากไม่มีความแน่นอนของพัฒนาการในแต่ละครั้ง
นอกจากนี้ ราคาพลังงานที่สูงขึ้นจนอยู่เหนือระดับ 92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่ OPEC+ ปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน มากที่สุดในรอบ 2 ปี ทำให้ภาพรวมราคาน้ำมันปรับขึ้นมารวม 22% ในปีนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ความกังวลต่อเงินเฟ้อกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฝั่งยุโรป