ผู้จัดการ ตลท. มองบรรยากาศตลาดหุ้นไทยฟื้น เหตุได้ปัจจัยหนุนทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ อานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง สภาพคล่องโลกดีขึ้น ส่วนปัจจัยภายใน กำไร บจ. กลับมาฟื้นเท่ากับช่วงก่อนโควิดระบาด ส่วนกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง กับกองทุนรวม Thai ESG ช่วยดึง Fund Flow กลับเข้าหุ้นไทย ด้าน ‘พิชัย’ คาด วันแรกนักลงทุนจองกองทุนวายุภักษ์ล้นหลาม
ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่กลับมาฟื้นตัวดีขึ้นมาจากหลายปัจจัยสนับสนุน ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ โดยปัจจัยต่างประเทศมาจากนโยบายดอกเบี้ยของโลกที่เริ่มมีแนวโน้มปรับลดลง ส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดโลกปรับดีขึ้น ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวในหลายประเทศ แม้จะมีความขัดแย้งทางการเมืองอยู่บ้าง แต่ผลกระทบก็เริ่มลดลง
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มปรับเพิ่มขึ้น ด้านภาคการส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคมปีนี้ที่รายงานออกมาเติบโตในระดับเกิน 15% รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นประมาณ 6% ใน 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็มีการเคลื่อนไหวที่สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย ในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2567 ที่เติบโตดีขึ้นใกล้เคียงระดับ 10% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่อยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนโควิดระบาด ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นสนับสนุนให้ Sentiment ของตลาดหุ้นไทยกลับมาดีขึ้น
สำหรับกระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ที่เริ่มไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย คาดว่ามาจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ โดยปัจจัยภายนอกมาจากเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น และมีความไม่แน่นอนที่ลดลง โดยมีทิศทางดอกเบี้ยลดลงและสภาพคล่องสูงขึ้น ส่วนปัจจัยภายในประเทศมาจากเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัว บจ. มีกำไรสูงขึ้น และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ทำให้ Fund Flow เริ่มกลับมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เชื่อว่ามาจากการที่รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจน ทั้งกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง และกองทุนรวม Thai ESG น่าจะทำให้ Fund Flow กลับเข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงหากเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวต่อไป คาดว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นจุดเปลี่ยน (Turning Point) ของตลาดหุ้นไทย
สำหรับวานนี้ (16 กันยายน) ซึ่งเปิดจองขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง เป็นวันแรก มองว่านักลงทุนรับรู้ข้อมูลล่วงหน้ามาก่อนหลายแล้ว สิ่งที่อยากจะฝากนักลงทุนคือการติดตามดูข้อมูลต่อไป เพราะยังมีปัจจัยทั้งในและต่างประเทศที่กระทบตลาดหุ้นไทยอยู่
สำหรับในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่า ตลท. มีการพัฒนาในหลายด้าน ซึ่งมี 3 เรื่องหลักๆ ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
เรื่องแรก การให้บริการในตลาดทุน ทั้งในด้านการระดมทุนหรือการลงทุน โดยจะเห็นว่า ตลท. พยายามสร้างประสิทธิภาพในการทำธุรกิจประเภทนี้ให้ดีขึ้น และสามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้
เรื่องที่ 2 ตลท. ให้ความสำคัญกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของตลาดทุนอย่างมาก เพื่อไม่ให้มีการลงทุนซ้ำซ้อน รวมทั้งทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องขยายธุรกิจได้ด้วยต้นทุนต่ำ
เรื่องที่ 3 ตลท. ส่งเสริมให้มีการเงินที่ยั่งยืน เช่น การส่งเสริมเพิ่มทักษะความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) และการลงทุน รวมทั้งส่งเสริมการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยทั้ง 3 เรื่องนี้เป็นเรื่องหลักที่ ตลท. ให้ความสำคัญ
นอกจากนี้ ในช่วงหลังจะเห็นว่าจากการที่โลกเติบโตอย่างรวดเร็วและมีเรื่องเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงพฤติกรรมนักลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปโดยนำโซเชียลมีเดียมาใช้ จึงทำให้การทำงานในตลาดทุนต้องปรับตัว โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการปรับวิธีการทำงานและกฎเกณฑ์ต่างๆ ทั้งใน ตลท. และหน่วยงานกำกับดูแล โดยเชื่อว่าเรื่องที่ ตลท. ดำเนินการมาในช่วงหลังจะช่วยให้ตลาดทุนไทยพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องไปอีกหลายปีข้างหน้าอย่างยั่งยืน
ภากรกล่าวเพิ่มว่า ผู้จัดการคนใหม่จะมีความท้าทาย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกและตลาดทุนโลกเปลี่ยนแปลงไปมาก และมีผลกระทบอย่างรวดเร็ว ทำให้การจัดการในอนาคตจะต้องวิเคราะห์และติดตามข้อมูลเพื่อนำมาออกเป็นกฎเกณฑ์ที่เหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น ตลาดทุนที่เชื่อมต่อกันทั่วโลกจะทำให้การแข่งขันสูงขึ้น
ดังนั้นจึงต้องหาวิธีที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยยังสามารถเทียบเคียงกับตลาดต่างประเทศได้ และเป็นตลาดทุนที่มีผู้ต้องการเข้ามาระดมทุน หรือมีสัดส่วนนักลงทุนที่เหมาะสม รวมถึงมีความสมดุลที่ดี ซึ่งเชื่อว่าอันนี้เป็นความท้าทายและเป็นสิ่งที่ผู้จัดการคนใหม่คงจะต้องนำพาตลาดทุนไทยให้เจริญอย่างยั่งยืนต่อไป
“เคสต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยระยะหลังในหลายเคส ตรงจุดนี้ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลตระหนักว่า สิ่งที่เราทำที่เคยดี อาจไม่ดีพอในอนาคต จึงต้องปรับวิธีการทำงานและกฎเกณฑ์ต่างๆ ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมเชื่อว่า ตอนนี้ตลาดทุนไทยมีการปรับตัว และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตต่อไปได้ดีขึ้น” ภากรกล่าว
ธุรกิจเอี่ยว ‘คาสิโน’ เข้าตลาดหุ้นได้หรือไม่ อยู่ที่การตีความของหน่วยงานกำกับ
ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อในกรณีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคาสิโน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) ที่รัฐบาลมีนโยบายผลักดันว่า ธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับคาสิโน สามารถเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนใน ตลท. ได้หรือไม่ รวมทั้ง บจ. ปัจจุบัน สามารถทำธุรกิจที่เกี่ยวกับคาสิโนได้หรือไม่ ภากรตอบว่า ปัจจุบันยังไม่มีข้อห้ามให้ธุรกิจคาสิโนเข้าจดทะเบียนใน ตลท. แต่มีหลักการว่าธุรกิจที่จะเข้ามาจดทะเบียนใน ตลท. จะต้องเป็นธุรกิจที่ไม่ผิดศีลธรรม ดังนั้นขึ้นอยู่กับหน่วยงานกำกับดูแลและผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะมีการตีความธุรกิจที่ไม่ผิดศีลธรรมว่าคือธุรกิจอะไร
ทั้งนี้ หากในอนาคตมีการปรับแก้กฎหมายให้ธุรกิจคาสิโนเป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ก็ยังต้องรอติดตามการตีความของฝ่ายที่เกี่ยวอีกครั้งว่าแต่ละฝ่ายให้ความเห็นอย่างไร
“ปัจจุบันมีธุรกิจคาสิโนในกัมพูชา ถือเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่เป็นอันดับที่ 5 ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งปัจจุบันเกณฑ์ของตลาดหุ้นทั่วโลกก็มีบางประเทศที่อนุญาตให้ธุรกิจคาสิโนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และมีบางประเทศที่ไม่อนุญาตให้ธุรกิจคาสิโนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้หลักการอะไร”
‘พิชัย’ คาด กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง เปิดจองวันแรก ยอดจองล้นหลาม
ด้าน พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามถึงความสนใจของนักลงทุนต่อกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ที่เริ่มเปิดขายวันนี้เป็นวันแรก ระบุว่า ให้เป็นเรื่องของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เป็นคนดูแล แต่คาดว่ายอดจองน่าจะล้นหลาม อย่างไรก็ดี กองทุนจะนำเงินไปลงทุนอย่างไร เป็นหน้าที่ของกองทุนเอง
“ปล่อยให้กองทุนเป็นผู้ดูเอง กองทุนมีอิสระในความคิดตามเงื่อนไขเดิม ผมไม่ได้ลงไปดู” พิชัยกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะ Oversupply พิชัยกล่าวว่า หลักการคือหากเกิด Oversupply รายย่อยหรือคนจองน้อยจะเป็นผู้ได้ก่อน
“เราต้องการให้ตราสารทุนไปถึงผู้มีเงินน้อยก่อน เนื่องจากสังเกตได้ว่าตราสารหนี้ในประเทศไทย รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล คนมีเงินน้อยเข้าไม่ค่อยถึง แต่เมื่อเรามีแพลตฟอร์มที่ดีก็จะเข้าถึงคนมีรายได้น้อยมากขึ้น” พิชัยกล่าว
โดยเมื่อวานนี้ (16 กันยายน) SET Index ปิดที่ระดับ 1,435.53 จุด เพิ่มขึ้น 11.14 จุด (+0.78%) มูลค่าซื้อขาย 61,118.04 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 350 ล้านบาท