ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างหนักจากความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองที่ไร้เสถียรภาพ หลังมีประเด็นเรื่องการถอนตัวของพรรคภูมิใจไทย และกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร และ ฮุน เซน
ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ (18 มิถุนายน) SET Index ปิดที่ 1,094.58 จุด ปรับตัวลดลง 19 จุด (-1.71%) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 36,048.37 ล้านบาท โดยดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในช่วงบ่าย ตรงข้ามกับช่วงเช้าที่ยังปิดในแดนบวกได้เล็กน้อยที่ 1,114.33 จุด
ภาพ: SET Index ปิดวานนี้ที่ 1,094.58 จุด ดิ่งลง 19 จุด ติดลบไป 1.71%
ทั้งนี้ การปรับตัวลดลงของดัชนีเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงบ่าย หลังสถานการณ์การเมืองทวีความร้อนแรงจากความไม่แน่นอนด้านเสถียรภาพของรัฐบาล กรณีที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่าพรรคพร้อมถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล หากมีการขอคืนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
นอกจากนี้ สถานการณ์ยังถูกซ้ำเติมจากกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรีและประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งเนื้อหาบางส่วนมีความอ่อนไหว จนมีเสียงเรียกร้องให้มีการยุบสภาเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และล่าสุด นายกรัฐมนตรี (เศรษฐา ทวีสิน) ได้ออกมายอมรับว่าคลิปเสียงดังกล่าวเป็นของจริง
มุมมองของบริษัทหลักทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยชี้ว่าแรงกดดันหลักมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน
โบรกประสานเสียงชี้ความไม่แน่นอนการเมืองในประเทศ ทุบตลาดหุ้นไทย
ขณะที่ฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจัยลบดังกล่าวยังสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งอยู่ที่ 88.1 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 89.9 โดยผู้ประกอบการมีความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ
ด้าน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ก็มีมุมมองว่า ประเด็นการเมืองในประเทศที่เกิดขึ้นกลับมาซ้ำเติมตลาดหุ้นไทย ทั้งเรื่อง ครม. และความตึงเครียดระหว่างประเทศ
ด้าน วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวเสริมว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงกว่าตลาดในภูมิภาค ซึ่งส่วนใหญ่ปรับลงเพื่อลดความเสี่ยงก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดไทยถูกกดดันจากปัจจัยภายในประเทศเป็นสำคัญ
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยถูกแรงกดดันหลักจากปัจจัยในประเทศ ทั้งเศรษฐกิจที่ยังไม่ค่อยดี แม้ว่าตัวเลขส่งออกจะดีกว่าคาด แต่มองว่าเป็นการขยายตัวดีเพียงชั่วคราว ประกอบกับ การเมืองในประเทศเพิ่มอุณหภูมิร้อนแรง หลังมีข่าวความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล สืบเนื่องจากการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) สร้างความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาล รวมทั้งความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา