หุ้นไทย ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย ไตรมาส 2 ปี 2565 ส่วนใหญ่เกือบ 90% รายงานออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยภาพรวมกำไรของบริษัทจดทะเบียนออกมาดีกว่าที่ตลาดประเมินไป
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาบริษัทจดทะเบียนรายงานกำไรไตรมาส 2 ไปแล้วทั้งสิ้น 465 บริษัท (ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2565) คิดเป็นสัดส่วน 87% ของมาร์เก็ตแคปรวมทั้งตลาด โดยมีกำไรสุทธิ 3.2 แสนล้านบาท เติบโต 21% จากไตรมาสแรก และ 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในสัปดาห์นี้จะเห็นการทยอยประกาศผลประกอบการที่เหลือทั้งหมด คาดว่าจะช่วยหนุนกำไรไตรมาส 2 ให้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ เพราะเท่าที่ประกาศออกมา กำไรภาพรวมสูงกว่าสถิติสูงสุดเดิมในไตรมาส 1 ปี 2561 ที่ 2.95 แสนล้านบาทเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นกำไรที่เติบโตต่อเนื่องอาจหนุนให้กำไรรวมครึ่งปีแรกสูงกว่า 6 แสนล้านบาท หรือสูงเกินครึ่งหนึ่งของที่ฝ่ายวิจัยทำประมาณการทั้งปี 2565 ที่ 1.04 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นกำไร 88.9 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการกำไรทั้งปีขึ้นเป็น 94 บาทต่อหุ้น
สำหรับความเสี่ยงในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค (Technical Recession) ในประเทศไทย เชื่อว่าจะยังไม่เกิดขึ้น และจะทำให้กระแสเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ยังคงไหลเข้าหุ้นไทยในระยะถัดไปจากแรงหนุน 3 ด้าน ได้แก่
- GDP ไทย ยังคงไม่มีการติดลบในรายไตรมาส สำหรับไตรมาส 2 ที่ประกาศล่าสุดขยายตัว 2.5%
- ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ยังแข็งแกร่ง อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) เดือนกรกฎาคม อยู่ที่ระดับ 42.4 เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 41.6 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง
- ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 35.26 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าจากเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 36.5 ต่อดอลลาร์ เป็นหนึ่งในแรงหนุนให้ Fund Flow ต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทย โดยเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยกว่า 1.85 หมื่นล้านบาท
ด้าน ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า กำไรสุทธิไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนไทยดีกว่าคาด ทั้งในส่วนของ SET และ MAI โดยกลุ่มที่โตดีคือพลังงานและกลุ่มที่อิงกับการเปิดประเทศ (Reopening)
“ปัจจุบันเราประเมินกำไร บจ. ปีนี้ที่ระดับ 88 บาทต่อหุ้น และน่าจะมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก เพราะกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศน่าจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง แต่การปรับขึ้นอาจไม่ได้มากนัก ส่วนการประเมินของตลาดในปัจจุบันน่าจะมองกำไรปีนี้ที่ราว 92-94 บาท”
ส่วนการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่เป็นบวกอยู่ 1.35 แสนล้านบาท ทำให้ปีนี้น่าจะจบปีด้วยการซื้อสุทธิค่อนข้างแน่ ถือเป็นการพลิกกลับมาเป็นการซื้อสุทธิครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลังจากที่ขายสุทธิมาต่อเนื่อง 5 ปีติดต่อกัน
“ปีนี้ Fund Flow น่าจะเป็นบวกค่อนข้างแน่ ถ้าเงินเฟ้อสหรัฐฯ ไม่เร่งตัวขึ้นเซอร์ไพรส์ตลาดอีกครั้ง ค่าเงินดอลลาร์น่าจะผ่านจุดพีคไปแล้ว ทำให้เงินลงทุนจะไหลกลับมาสู่ Emerging Market อีกครั้ง ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในเป้าหมาย”
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP
