วานนี้ (7 กรกฎาคม) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีโซเชียลมีการติดแฮชแท็กทวงคืนวัคซีน Moderna ประชาชนไม่ต้องจ่ายเงิน ว่าวัคซีน mRNA นั้นมี 2 ตัว คือ Moderna และ Pfizer ซึ่งถ้าพูดถึงประสิทธิภาพ ผลข้างเคียงนั้นมีความใกล้เคียงกัน แล้วรัฐบาลเลือกที่จะใช้ Pfizer แล้ว ส่วน Moderna ถูกกำหนดให้เป็นวัคซีนทางเลือก ซึ่งภาคเอกชนสามารถจัดหามาเสริมเพิ่มเติมให้ประชาชนได้ ซึ่งเข้าใจว่ามี 5 ล้านโดส
“ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้กรมควบคุมโรคลงนามในสัญญาซื้อจำนวน 20 ล้านโดส และมีมติให้รับคำแนะนำของอัยการสูงสุดไปเจรจากับบริษัท Pfizer ว่าสัญญาส่วนไหนที่จะสามารถปรับปรุงได้บ้าง ซึ่งกรมควบคุมโรคมีการนัดหมายกับ Pfizer วันนี้ (8 กรกฎาคม) และจะมีการลงนามในสัญญาภายในสัปดาห์นี้ เป็นไปตามกรอบเป้าหมายที่ ครม. ให้คำแนะนำมา ส่วนกรณีที่สหรัฐอเมริกาจะมีการบริจาค Pfizer ให้ประเทศไทย 1.5 ล้านโดสนั้น มีการลงนามแล้วเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (7 กรกฎาคม) จะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป โดยวัคซีนจะเข้าสู่ประเทศไทยเร็วๆ นี้” นพ.โอภาสกล่าว
นพ.โอภาสกล่าวต่อไปว่า ประการต่อมาเรื่องความปลอดภัย แรกๆ ที่กังวลเรื่องการใช้วัคซีน AstraZeneca แล้วเกิดลิ่มเลือดอุดตันนั้น ทางผู้เชี่ยวชาญพยายามอธิบายหลายครั้งว่า ภาวะนี้เกิดในคนฝรั่งผิวขาว แต่คนเอเชียเกิดน้อย ซึ่งตอนหลังเราฉีด AstraZeneca ไป 4 ล้านโดส แทบไม่มีข่าวเกิดลิ่มเลือดในคนไทยเลย แต่ต้องติดตามข้อมูลอยู่
สำหรับ Sinovac เป็นเทคโนโลยีเก่า ผลข้างเคียงน้อยมาก เห็นตรงกันว่าเทียบแล้วปลอดภัยที่สุด ส่วน Pfizer หากติดตามข่าวจะมีข้อกังวลเล็กๆ กรณีที่ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา (CDC) พบอุบัติการณ์กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในคนหนุ่มอายุน้อยมากขึ้น โดยคาดว่าเกิดจากวัคซีน
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 ตัวเมื่อเทียบประสิทธิภาพ อาการข้างเคียง ความปลอดภัยกับประโยชน์และโทษนั้น การฉีดวัคซีนมีประโยชน์มากกว่า วันนี้ประเทศไทยฉีดแล้ว 11 ล้านโดส ก็จะเร่งดำเนินการฉีดต่อไป
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: