วันนี้ (3 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา อลงกต วรกี สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงกรณีที่มี สว. ท่านหนึ่งเปิดเผยว่า สว. เสียงข้างมากคว่ำมติในการตรวจสอบจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยชี้แจงว่า กรณีการตรวจสอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนี้ ตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วเสร็จก็ให้ส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อใช้อำนาจในการวินิจฉัย ไม่ใช่หน้าที่ของวุฒิสภา
อลงกตชี้ว่า มติของวุฒิสภาในการลงคะแนนให้ความเห็นชอบ ไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ด้วยคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบ 184 เสียง ไม่ให้ความเห็นชอบ 2 เสียง และไม่ออกเสียง 9 เสียง โดยยืนยันว่าคณะกรรมาธิการสามัญตรวจสอบประวัติและความประพฤติแล้วตามแนวทางดำเนินงาน ซึ่งพบว่าดำเนินการถูกต้อง รวมถึงตรวจสอบไปยังหน่วยงานต้นสังกัดด้วยความรอบคอบแล้ว
ส่วนกรณีการตั้งคณะกรรมาธิการ สว. ทั้ง 21 คณะ ซึ่งฝั่ง ‘สว. พันธุ์ใหม่’ เปิดเผยว่า เสียงข้างมากไม่ได้ทำตามข้อตกลง เนื่องจากตีตกร่างแก้ไขข้อบังคับทั้งหมดของเสียงข้างน้อย อลงกตกล่าวว่า คำถามนี้น่าสนใจมาก เนื่องจากมีการมองว่าวุฒิสภามีทั้ง สว. พันธุ์ใหม่ และ สว. สีน้ำเงิน แต่ในความเป็นจริงตนขอยืนยันว่า สว. ทั้งหมดมีเฉพาะ 20 กลุ่มอาชีพ จำนวน 200 คน เราไม่ได้บอกว่าเราเป็นเสียงข้างมากหรือเสียงข้างน้อย แต่จะเป็นแบบไหนก็แล้วแต่การลงมติ
“สิ่งที่น่าสนใจคือทำไมจึงมีการตั้งคำถามแบบนี้ ทั้งที่มีมติของสภาไปแล้ว อย่างการเลือกตั้ง อบจ.ราชบุรี ที่เมื่อแพ้แล้วก็มาบอกว่าไม่ชอบธรรม ที กทม. ได้เต็มพื้นที่ไม่เห็นพูดเลย ทำไมเลือกที่จะมาร้องกับสื่อมวลชนหรือมาหาแสงแบบนี้ เพราะไม่ว่าจะมีกรรมาธิการกี่คณะ แต่ในท้ายที่สุดการเสนอร่างนี้ก็เป็นสิ่งที่เสียงส่วนมากเห็นชอบ แม้จะมีการแปรญัตติ แต่ญัตตินั้นเสียงส่วนมากก็ไม่เห็นชอบ” อลงกตกล่าว
อลงกตกล่าวต่อว่า หากลองดูที่คะแนนดีๆ อยากขอให้ทุกคนพิจารณาดูว่า จำนวนเสียงข้างมากเป็นเสียงส่วนมากที่กำหนดจำนวนชัดเจนหรือไม่ พร้อมยกตัวอย่างการให้ความเห็นชอบตำแหน่งอัยการสูงสุดที่มีคะแนนเสียงเห็นชอบ 184 เสียงนั้น จะถือว่าเป็นเสียงส่วนมากหรือไม่ ถ้าอย่างนี้แล้ว ทำไมไม่ออกมาแถลงข่าว
“หากจะมาบอกว่าเป็นเสียงส่วนน้อย คุณก็พูดๆ ไป แต่เสียงส่วนน้อยนั้นก็ไม่ได้มีจำนวนกำหนดที่ชัดเจน ทำไมท่านจะบอกว่านี่เป็นเสียงส่วนน้อย ซึ่งผมไม่แน่ใจว่านิยามเสียงส่วนน้อยของท่านมีจำนวนเท่าไร อย่างวันที่มารายงานตัวและมีการถือป้ายนั้น ผมก็เห็นว่ามี 9 คน แต่การลงมติเสียงไม่เห็นด้วยมีเพียง 2 คน จะอธิบายว่าเสียงส่วนน้อยกลายมาเป็นเสียงส่วนมากหรือไม่ อย่าอธิบายคำนี้โดยไม่สนตรรกะ ระบุตัวตนมาเลยว่าเสียงส่วนน้อยมีใครบ้าง”
สำหรับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการทั้ง 21 คณะ ที่มีกระแสข่าวว่ากลุ่ม สว. สีน้ำเงิน จะเข้าไปดำรงตำแหน่งทั้งหมดนั้น อลงกตกล่าวว่า ยังไม่สรุป ตอนนี้เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการ แต่ขั้นตอนต่อไปจะเสนอชื่อบุคคลที่ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมาธิการก่อน แล้วจึงเลือกอีกครั้งว่าใครจะดำรงตำแหน่งอะไรในคณะกรรมาธิการ ยืนยันว่ากำหนดชื่อไม่ได้
อลงกตยังเปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการที่มี สว. อยากเข้ามากที่สุดคือคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว ส่วนตนเองต้องการอยู่ในคณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณ
ส่วนควรเลือกคนในคณะกรรมาธิการให้ตรงกับกลุ่มอาชีพหรือไม่ อลงกตกล่าวว่า มีการพูดคุยเรื่องนี้เหมือนกัน แต่การเสนอชื่อคงต้องดูตัวเองก่อนว่ามาจากกลุ่มไหน ซึ่งที่สุดแล้วก็แล้วแต่การเสนอ และเป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะลงในคณะกรรมาธิการไหนก็ได้ หรือจะเสนอชื่อแบบกลุ่มก็เป็นสิทธิของเขา แต่อย่าลืมว่าบุคคลใดก็ตามที่จะเป็นประธานกรรมาธิการ จะเป็นได้แค่ตำแหน่งเดียว ต้องลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมาธิการในคณะอื่น
