วันนี้ (17 กันยายน) วรวุฒิ โตวิรัตน์ รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ออกมาเตือนรัฐบาลใหม่ว่า การท่องเที่ยวไทยกำลังเผชิญ ‘จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ’ หลังเวียดนามก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจีนในอาเซียน แซงหน้าไทยและมาเลเซียอย่างชัดเจน พร้อมย้ำว่านี่คือ ‘สัญญาณอันตราย’ ที่รัฐบาลไม่ควรชะล่าใจ เพราะการท่องเที่ยวคือเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจหลัก แต่กลับซบเซาลงอย่างน่าตกใจ
วรวุฒิระบุว่า การฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทยจำเป็นต้องเร่งปรับตัวใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
1.ฟื้นความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ด้วยการจัดการปัญหาอาชญากรรมที่กระทบนักท่องเที่ยวโดยตรง
2.ยกระดับคุณภาพบริการและการสื่อสาร โดยเฉพาะด้านภาษาจีน
3.สร้างกิจกรรมและประสบการณ์ใหม่ ๆ ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ แทนการขายภาพจำเดิม ๆ
ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ปี 2568 เวียดนามมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 14 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นถึง 44% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้ไทยสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนกว่า 3.5 พันล้านดอลลาร์ ธุรกิจโรงแรมไทยรายได้หดตัว 4.5% และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมลดลง 7%
หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่หันหลังให้ทัวร์แบบดั้งเดิม และมีความกังวลด้านความปลอดภัย หลังเกิดเหตุอาชญากรรมที่เกี่ยวโยงคนจีนในไทย ขณะที่เวียดนามเดินหน้าสร้างความประทับใจผ่านกิจกรรมใหม่ ๆ อย่างเทศกาลพาราไกลดิ้ง–บอลลูนลมร้อนในกว๋างนิญ และบริการภาษาจีนในเมืองท่องเที่ยว ซึ่งดึงดูดการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 51% และคาดว่าจะปิดปีด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 22.6 ล้านคน
ไทยเองพยายามฟื้นตลาดจีนผ่านโครงการ “หนีห่าว มันธ์” ในช่วงไฮซีซัน และกิจกรรมส่งเสริมใน 5 เมืองหลัก แต่ตัวเลข 8 เดือนแรกของปีนี้ยังอยู่ที่ 23 ล้านคน ลดลง 7% เมื่อเทียบปีก่อน ขณะที่มาเลเซียได้อานิสงส์จากนโยบายยกเว้นวีซ่าและค่าเงินริงกิตอ่อนค่า ดึงนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 35%
วรวุฒิย้ำว่า หากไทยยังนิ่งเฉย จะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง “นี่ไม่ใช่เรื่องแค่ตัวเลขนักท่องเที่ยว แต่หมายถึงการจ้างงาน เศรษฐกิจฐานราก และภาพลักษณ์ของประเทศ รัฐบาลใหม่ห้ามชะล่าใจ ต้องลงมือทันที”