วานนี้ (31 กรกฎาคม) ที่ลานหน้า Buddy Shopping Plaza ถนนข้าวสาร สุพันธุ์ มงคลสุธี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย พร้อมคณะทำงานและว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส. ) กรุงเทพมหานคร ร่วมเวทีเสวนาเนื่องในโอกาสครบ 3 เดือนที่รัฐบาลมีคำสั่งเปิดประเทศ ภายใต้ชื่องาน ‘ไทยสร้างไทยXธุรกิจท่องเที่ยว: ฟังข้าวสารอย่างเข้าใจ-เที่ยวไทยฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก’ โดยมีตัวแทนผู้ประกอบการมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เช่น สง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร, ญาดา พรเพชรรัมภา ประธานชมรมผู้ค้าแผงลอยกรุงเทพมหานครและถนนข้าวสาร
ญาดากล่าวว่า บริบทของถนนข้าวสารหลังโควิดเริ่มเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวยังกลับมาไม่มากเท่าเดิม ขณะที่นักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มครอบครัวก็น้อยลงไปกว่าเดิม ยิ่งมีเสรีกัญชา แม้จะสามารถพุดคุยกับผู้ประกอบการด้วยกันได้ แต่ก็ไม่สามารถควบคุมผู้ซื้อได้ ยิ่งทำให้ลูกค้ากลุ่มครอบครัวน้อยลง เมื่อเทียบกับกลุ่มที่เที่ยวสถานบันเทิง กระทบกับผู้ประกอบการสตรีทฟู้ด ดังนั้นอยากเสนอให้รัฐมีการกำหนดจุดสูบกัญชาและบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวดเพื่อไม่ให้กระทบนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ
อีกปัญหาที่สำคัญของผู้ค้าหาบเร่แฝงลอย คือตอนนี้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ไม่ได้ โดยเฉพาะร้านเล็กๆ ที่ไม่มีใบอนุญาต และจากปี 2559 ที่รัฐมีนโยบาย ‘ไล่-รื้อ-เลิก’ ทำให้หาบเร่แฝงลอยที่เป็นตัวกระจายสินค้าเริ่มหายไป โรงงานก็ทยอยปิดตัว จึงเสนอให้ตั้งกองทุนอย่างเดียวเพื่อกระจายเม็ดเงินให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กและหาบเร่แฝงลอยมีเงินทุนไปต่อยอดธุรกิจ โดยอาจจะใช้ใบอนุญาตใช้พื้นที่ตั้งแฝงขายสินค้าไปใช้กู้เงิน เช่นเดียวกับธุรกิจ SMEs ที่ใช้สัญญาเช่าไปแปลงเป็นทุนผ่านกระทรวงพาณิชย์
ด้านสง่ากล่าวว่า ตอนนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวมีแค่ 30% จากก่อนโควิด แต่กฎหมายที่เป็นข้อจำกัดในการค้าขายยังมีอยู่เช่น ระเบียบ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) ร้านในห้องแอร์ขายได้ 50% ร้านข้างนอกห้องแอร์ 75% ทั้งยังต้องเสียภาษีเท่ากับช่วงก่อนโควิด เช่น ภาษีสรรพสามิตร 10% จากยอดขาย รวมทั้งภาษีป้ายและภาษีโรงเรือนจ่าย 100% จึงอยากเสนอให้ยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการค้าขาย และงดเว้นการเก็บภาษีก่อนในช่วงที่ผู้ประกอบการเพิ่งเปิดและตั้งตัว
ขณะที่สุพันธุ์กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายเพื่อผู้ประกอบการ และตัวเองก็ทำธุรกิจ SMEs มาก่อนจึงเข้าใจความรู้สึกของผู้กู้ ซึ่งราชการตอนนี้ต้องเป็นนักพัฒนามาช่วยผู้ประกอบการให้อยู่ได้ หาทางรอดให้ผู้ประกอบการ ไม่ใช่เป็นแค่นักปกครอง
สถานการณ์ตอนนี้ ตลาดหาย หนี้ไม่ลด รายได้จากการท่องเที่ยวก็หายไป พรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายที่จะออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 1 ฉบับ เพื่อแขวนกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากิน และต้องลดภาษีให้ผู้ประกอบการกลับมาได้ก่อน พร้อมกับอัดฉีดเงินเพิ่มทุนผู้ประกอบการเข้าไปอีก
นอกจากนี้ต้องหาทางเพิ่มนักท่องเที่ยว กระตุ้นคนไทยเที่ยวไทย และปรับกฎกติกาการเข้าประเทศให้นักท่องเที่ยวจากต่างชาติเข้ามาง่ายขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาระบบ e-Government ให้รับเรื่องร้องเรียนและช่วยเหลือประชาชนได้ง่ายขึ้น ลดการเก็บส่วย รวมทั้งการพัฒนาแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยจะไม่ต้องจ่ายส่วนต่างให้แพลตฟอร์มต่างประเทศ
สุพันธ์กล่าวต่ออีกว่า เข้าใจความรู้สึกนี้ ถ้าเปิดประเทศเร็วพวกเขาก็หนี้น้อยลง หลายเจ้าต้องแบกรับค่าเช่า ค่าจ้าง ซึ่งพวกเขาสู้มาขนาดนี้ก็ไม่มีใครอยากเจ๊ง เราต้องให้โอกาสพวกเขาสู้ รัฐต้องช่วยหาทางลดต้นทุน และพักใช้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการทำมาหากิน พร้อมทั้งเติมทุนให้ผู้ประกอบการ เพิ่มเวลาขาย ลดกติกา
จากนั้นเวลา 19.30 น. น.ต. ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรคไทยสร้างไทย เดินสำรวจสภาพเศรษฐกิจและความคึกคักของนักท่องเที่ยวที่ถนนข้าวสาร