วันนี้ (20 เมษายน) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย สุพันธุ์ มงคลสุธี, ต่อพงษ์ ไชยสาส์น, นพดล มังกรชัย รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และคณะ ประชุมหารือแนวนโยบายของพรรคกับสภาหอการค้าไทย ที่นำโดย สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยประกาศเดินหน้าจับมือเอกชน เพื่อสร้างโอกาสให้เข้าถึงแหล่งทุน และสนับสนุนด้านการตลาดให้กับ SMEs ด้วยกองทุนสร้างไทยมูลค่า 3 แสนล้านบาท โดยให้เอกชนเข้ามามีส่วนสำคัญในการปล่อยสินเชื่อโครงการนี้ เพื่อให้สินเชื่อ SMEs ที่ต้องการเงินทุนอย่างแท้จริง ในเงื่อนไขผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ยถูก เพื่อพลิกฟื้นชีวิต
นอกจากนี้พรรคไทยสร้างไทยได้เสนอกฎหมายพักการใช้ใบอนุมัติ / อนุญาต ที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ 1,400 ฉบับไว้ชั่วคราว เพื่อให้ทำธุรกิจได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เพื่อลดต้นทุน ลดการรีดไถ ส่งเสริมและสนับสนุนการทำธุรกิจให้รวดเร็ว
จากนั้นจะเปิดโอกาสให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการและผู้บริโภค มาร่วมกันแก้ไขและปรับปรุงกฎหมายให้ลดจำนวนลงเหลือเฉพาะกฎหมายที่จำเป็น 100-200 ฉบับเท่านั้น เช่น การขออนุญาตสำนักงานคณะกรรรมการอาหารและยา (อย.) หรือการขอใบอนุญาตโรงแรมที่ซ้ำซ้อนหรือไม่เอื้อต่อการทำมาหากิน
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ไทยสร้างไทยจะเร่งสนับสนุนการสร้างรายได้จากฐานความเข้มแข็งเดิมของไทยคือการท่องเที่ยว, อาหารและเกษตร, บริการสุขภาพที่จะยกระดับเป็น Well-being Hub และการขายความเป็นไทย หรือ Thainess โดยทั้งหมดตั้งเป้าสร้างรายได้ 5 ล้านล้านบาท หรือ 35% ของ GDP ภายใน 3 ปี
นอกจากนั้นพรรคไทยสร้างไทยจะสร้างเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ โดยตั้งเป้า ในการสร้าง GDP แบบก้าวกระโดด เพื่อความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ ด้วย Mega Project ที่จะมารีสตาร์ทเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทย ประกอบด้วย
- ใช้ตำแหน่ง Location ของประเทศ ให้ไทยเป็น Global Gateway เป็นศูนย์กลางการเดินทาง การขนส่งทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ของภูมิภาคและของโลก โดยทางบกจะเชื่อมเส้นทางสายไหม BRI จากเหนือลงใต้ เชื่อมตะวันออก-ตะวันตกไปถึงเวียดนาม
- ผลักดันโครงการคลองไทยให้เป็น New Economic Corridor เป็นแม่เหล็กในการดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก
- เสนอนโยบายสร้างความร่วมมือและข้อตกลงด้านการค้าการลงทุนกับ 2 ประเทศยักษ์ใหญ่ คือ จีนและอินเดีย หรือที่เรียกว่า ‘China India Thailand Economic Initiative’ โดยใช้ไทยเป็นสะพานเชื่อม 2 ประเทศ เพื่อเพิ่มตลาดจาก 70 ล้านคนของไทย ให้เป็น 3,000 ล้านคน
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า นโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาท ไม่ใช่เป็นนโยบายประชารัฐ ประชานิยม ที่มุ่งแต่การแจกเงินเพื่อหาคะแนนนิยม แต่มีหน้าที่ในการสร้างสุขภาพ ซึ่งเป็นการคิดอย่างครบวงจร โดยจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งจะทำให้ GDP ของประเทศโต 5-7 เท่า ภายใน 5 ปี
และจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลปีละเป็นแสนล้านบาท ผู้สูงอายุสามารถกลับมาทำงาน สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัวได้ ทั้งยังเป็นการลดภาระของลูกหลานให้สามารถตั้งตัวได้เร็วขึ้น