วันนี้ (10 มิถุนายน) ตำรวจ 191 ภายใต้การสั่งการของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บุกเข้าทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวเวียดนามในหมู่บ้านหรูย่านชานเมือง จับกุมผู้ต้องหาได้ 27 ราย เป็นหญิง 5 ราย ชาย 22 ราย พร้อมยึดของกลางจำนวนมาก ทั้งโทรศัพท์มือถือ 116 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 45 เครื่อง และเคตามีน 5 กรัม โดยมีมูลค่าความเสียหายจากการหลอกลวงสูงถึง 39 ล้านบาท
พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า การเข้าจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่าพบกลุ่มชาวต่างชาติรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก จึงเข้าตรวจสอบและพบว่าชาวต่างชาติกลุ่มนี้เช่าบ้านหรู 2 หลัง พฤติกรรมน่าสงสัยจึงขอหมายค้นเข้าตรวจสอบ
จากการสอบสวนพบว่า ผู้ต้องหาเหล่านี้เดินทางมาจากเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 โดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว ซึ่งอนุญาตให้อยู่ได้เพียง 60 วัน ส่วนใหญ่เดินทางผ่านด่านคลองลึก จังหวัดสระแก้ว ก่อนจะรวมตัวกันเพื่อทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย
แก๊งนี้ใช้วิธี Romance Scam มุ่งเป้าหลอกลวงเหยื่อชาวเวียดนามด้วยกันเอง โดยสร้างโปรไฟล์ปลอมเป็นคนหน้าตาดี ร่ำรวย หลอกให้เหยื่อหลงเชื่อและตกหลุมรัก ก่อนจะใช้คำหวานหว่านล้อมให้โอนเงินในภารกิจต่างๆ ที่วางไว้ เช่น แสร้งว่ามีหนี้สิน โดยใช้แอปพลิเคชัน ‘Zalo’ เป็นช่องทางหลักในการหลอกลวง
จากการตรวจสอบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ก่อเหตุ พบว่าตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบัน คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถหลอกลวงเงินได้ประมาณ 1,200 ล้านดองต่อเดือน รวมทั้งหมด 27 เครื่อง สร้างความเสียหายรวม 36,000 ล้านดองต่อเดือน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 39 ล้านบาท
ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเช่าบ้านทั้ง 2 หลัง ตั้งแต่ 10 ตุลาคม 2567 ในราคาหลังละ 30,000-40,000 บาท และเริ่มทำงานตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ โดยมีรายได้ 12,000 บาทต่อเดือน และหากหลอกได้สำเร็จจะได้เงินเพิ่มอีกประมาณ 25,000 บาทต่อเดือน ซึ่งผู้ต้องหาแต่ละคนจะแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ทั้งเชฟทำอาหาร ช่างไฟ และช่างซ่อมคอมพิวเตอร์
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ประสานกองพิสูจน์หลักฐานและศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อขยายผลต่อไป และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ลำผักชี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย