วันนี้ (18 พฤษภาคม) ตามเวลาท้องถิ่นเมืองพาร์มา ประเทศอิตาลี ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 5 ชั่วโมง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปยังโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ของบริษัท Italia Alimentari เมืองพาร์มา เพื่อเยี่ยมชมกระบวนการแปรรูปเนื้อสัตว์ เน้นการผลิตซาลามี แฮมมอตาเดลลา แฮมปรุงรส เบคอน และเนื้อสัตว์หมักแห้งท้องถิ่นอื่นๆ
นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมชมกระบวนการผลิตชีสของบริษัท Boni SpA ซึ่งมีการผลิตชีสพาร์มิจาโน เรจจาโน ได้ประมาณ 125,000 ชิ้นต่อปี จำหน่ายชีสทั้งสองประเภทได้ไม่ต่ำกว่า 19,000 ตันต่อปี และโรงงานมีประสิทธิภาพในการผลิตและเก็บรักษาชีสได้ประมาณ 500,000 ชิ้นต่อปี
ประเทศอิตาลีถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและแปรรูปอาหารรายใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป โดยสินค้าอิตาลีจำนวนมากมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้เดินทางไปดูโรงงานสองแห่ง เป็นที่รู้กันว่าแฮมหรือซาลามีต่างๆ เป็นสินค้าที่มีอายุนับพันปีแล้ว โดยประเทศอิตาลีก็มีชื่อเสียงในการส่งออกและการรักษามาตรฐานการผลิต ทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าและยกระดับราคาขึ้นได้ รวมทั้งทำให้เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์เหล่านี้มีรายได้สูงขึ้น ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของประเทศอิตาลี
ทั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่ประเทศไทยต้องทำการบ้านครั้งใหญ่ เพราะอยากให้เกษตรกรไทยที่เลี้ยงวัวหรือสัตว์ต่างๆ มีรายได้สูงขึ้น ซึ่งต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไร เช่น เราก็ต้องมาเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นแคบหมู เนื้อเค็ม ไส้อั่ว หรือกุนเชียง ซึ่งมีความคล้ายการทำซาลามี แต่ต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถทำได้ทันที เพราะประเทศอิตาลีมีประวัติศาสตร์ทำเรื่องนี้มานาน ถือเป็นกุญแจในการเรียนรู้ที่เราต้องนำกลับไปคิดร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์