วันนี้ (10 พฤศจิกายน) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก่อนออกเดินทางปฏิบัติภารกิจที่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ครั้งที่ 31 ที่กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ได้ทดลองใช้งานระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล หรือ Biometric ผ่านเครื่อง Automated Border Control หรือเครื่อง ABC ของผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ เพื่อทดสอบระบบการให้บริการของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่อาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สอบถามขั้นตอนการใช้งานและปัญหาที่เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปพัฒนาระบบการบริการให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลดังกล่าวเปิดให้บริการสำหรับคนไทยมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 และเปิดให้บริการสำหรับชาวต่างชาติเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยใช้เวลาเฉลี่ยผ่านเข้าเครื่อง ABC เพียง 23 วินาทีต่อคนเท่านั้น ซึ่งช่วยลดความหนาแน่นของผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้บริการทั้งในพื้นที่ขาเข้าและขาออกทั้ง 3 โซน ทั้งหมด 72 เครื่อง แบ่งเป็นขาเข้า 16 เครื่อง และขาออก 56 เครื่อง
ขั้นตอนการใช้เครื่องดังกล่าวคือ ให้ผู้โดยสารสแกนหนังสือเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน และสแกนใบหน้า โดยต้องถอดแว่นและหน้ากากอนามัยก่อนสแกนใบหน้าเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและให้การพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรียังร่วมประชุมหารือเตรียมความพร้อมในการสร้างความเชื่อมั่นและแผนรับนักท่องเที่ยวในช่วง High Season พร้อมตรวจเยี่ยมเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่หน่วยงานที่ให้บริการนักท่องเที่ยว
▪️ ทุกฝ่ายฟิตเต็มที่ พร้อมรับนักท่องเที่ยว
ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่าไม่น่ากังวล เพราะทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมและเต็มที่กันอย่างมาก อาจมีเรื่องกำชับเล็กน้อย เช่น ให้ฟิตร่างกายหน่อย เพราะนักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะ ซึ่งเป็นสิ่งที่พูดคุยกันในที่ประชุม ส่วนในเรื่องของระบบ ทั้งสนามบินและเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนตระหนักดีว่าการท่องเที่ยวเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทุกฝ่ายเต็มที่แน่นอน
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงระบบการตรวจคนเข้าเมืองที่ก่อนหน้านี้เคยมีปัญหาว่า ขณะนี้มีความพร้อมมากขึ้น และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมแผนสำรองไว้หมดแล้วว่าถ้ามีคนปริมาณเพิ่มขึ้นจะแก้ปัญหาอย่างไร ขอให้ไม่ต้องห่วง เราพร้อมจะเป็นศูนย์กลางของการบินและการท่องเที่ยวอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเป้าหมายของการท่องเที่ยวว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวเมื่อปี 2562 ตอนนี้กลับมาใกล้เคียงกันแล้ว แต่อาจมีการเปลี่ยนเชื้อชาติของคนที่เข้ามา ซึ่งขณะนี้มีคนอินเดียเข้ามาเพิ่มมากขึ้นจากนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 140% และนักท่องเที่ยวจีนลดลง เพราะมีทางเลือกในการท่องเที่ยวมากขึ้น แต่เส้นกราฟไปได้ด้วยดี ซึ่งจะมีการกระจายเรื่องการท่องเที่ยวและหวังว่าจะไปได้ดีมากขึ้น ส่วนเรื่องแหล่งท่องเที่ยว ทุกกระทรวงเตรียมไว้หมดแล้ว และเรื่องความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก รวมถึงเรื่องความสะอาดด้วย วัฒนธรรมที่พยายามขายเสน่ห์ของประเทศไทยให้เยอะๆ ทำให้ต่างชาติรู้จักเรามากขึ้น
โดย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และ ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และคณะ มารอให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีด้วย