วันนี้ (14 กุมภาพันธ์) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกหน่วยงานความมั่นคง นำโดย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, พล.อ. สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ. ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ทหารบก ทหารเรือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าหารือและติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก หลังใช้มาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตัดไฟฟ้า น้ำมัน และสัญญาณอินเทอร์เน็ต ครบ 7 วัน เพื่อความมั่นคงปลอดภัยทุกมิติของพี่น้องประชาชน
แพทองธารกล่าวว่า โอกาสนี้ดิฉันได้แสดงความขอบคุณต่อการทำงานหนักและเด็ดขาดของหน่วยงานความมั่นคง ทั้งเรื่องภัยพิบัติธรรมชาติ คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ ที่ร่วมกันแก้ปัญหาต่างๆ จนทำให้ปัญหาต่างๆ คลี่คลายไปได้ด้วยดี ปัญหาหลายเรื่องยังมีอยู่และต้องดำเนินการทำงานอย่างต่อเนื่อง ตรงจุด ด้วยแผนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งต้องอาศัยการทำงานร่วมกันต่อไป
โดยเฉพาะเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่คุกคามชีวิตพี่น้องประชาชน เป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไป ที่ผ่านมามาตรการตัดเส้นทางลำเลียงน้ำมัน-ตัดไฟ ถือเป็นมาตรการที่เด็ดขาดและได้ผล นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่โอกาสนี้ตนเองขอเร่งรัดคณะกรรมการนโยบายด้านชายแดนให้ขยายแผนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และขอให้รายงานกลับมาอีกครั้งในเวลา 1 เดือน
สำหรับปัญหาคอลเซ็นเตอร์และความมั่นคงอื่นๆ ที่กล่าวถึงข้างต้น ถือเป็นวาระใหญ่ของรัฐบาล เพราะคือความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน รัฐบาลเดินหน้าเต็มที่ และพร้อมทำงานอย่างบูรณาการเพื่อแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว ตรงจุด และแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและยาวโดยเร็ว
รายงานความสำเร็จ ซีลตามแนวชายแดนปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ขณะที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ทุกเหล่าทัพรายงานสถานการณ์ต่อหน้านายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะความคืบหน้าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ภายหลังที่เปิดปฏิบัติการซีลแนวชายแดน 51 อำเภอ ถือว่าปฏิบัติการที่ดำเนินการในช่วงต้นประสบความสำเร็จ โดยการกดดันในครั้งนี้ทำให้มีการเคลื่อนไหวปิดสถานบันเทิงที่มีข่าวเกี่ยวข้องกับคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่แน่ชัดว่าไทยต้องการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ให้ออกจากพื้นที่ ต้องมีการตรวจสอบคนที่ขอความช่วยเหลือ
เมื่อเคลียร์ปัญหานี้แล้วก็ต้องหาช่องทางดำเนินการต่อไป ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องและมีการสำรวจกลุ่มคนที่เดินทางเข้าไปทำงาน ซึ่งบางส่วนต้องแยกแยะให้ชัดเจน หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะส่งตัวให้กับสถานทูตมารับ
ส่วนประเทศไหนที่มีคนจำนวนมากก็จะเช่าเหมาลำเครื่องบินมารับ ยืนยันว่าไทยจะไม่ยินยอมให้เป็นศูนย์อพยพ พร้อมกันนี้เมื่อได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันแล้วก็นำข้อมูลนี้ไปดำเนินการ เพื่อให้ได้มาตรฐานและแก้ปัญหาให้ได้มากที่สุด และข้อมูลทั้งหมดให้บูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อที่จะได้มีข้อมูลที่ชัดเจน ซึ่งเวลานี้ได้นำทุกเหล่าทัพและส่วนที่เกี่ยวข้องมาทำงานเชื่อมกับฝ่ายการเมือง เพราะบางเรื่องฝ่ายปฏิบัติเมื่อมาถึงระดับที่ตัดสินใจแล้วก็อาจไม่รู้ว่าต้องตัดสินใจดำเนินการต่ออย่างไร
ดังนั้นการพูดคุยวันนี้ ตนเองซึ่งประสานงานโดยตรง สามารถตอบแทนฝ่ายการเมือง แทนนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งจะทำให้ส่วนที่เกี่ยวข้องทำงานได้อย่างบูรณาการ โดยรวมก็มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
ส่วนความคืบหน้าการระงับโซลาร์เซลล์นั้น ภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเรื่องที่แจ้งไปแล้วว่ากำลังดำเนินการอยู่ แต่หัวใจของการพูดคุยวันนี้ ถ้าสามารถซีลทั้งหมดได้ เราก็สามารถจัดการพื้นที่ชายแดนได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็มีความคืบหน้ามากขึ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประชุมนายกรัฐมนตรีได้เสนออะไรหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกฝ่ายที่ตั้งใจทำงาน และขอให้ทุกฝ่ายทำงานประสานงานกันให้ได้มากขึ้น พร้อมย้ำว่าในที่ประชุมไม่ได้พูดถึงเรื่องของหมายจับ พ.อ. หม่อง ชิต ตู่ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กองกำลังต่างๆ ของชายแดนเมียนมาออกมาแสดงท่าทีเอาจริงเอาจังที่จะปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะทำให้รัฐบาลไทยใจอ่อนถึงขั้นลดระดับความเข้มข้นของมาตรการลงหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องใจอ่อนหรือไม่ใจอ่อน แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำให้ตรงเป้าหมาย ปัญหาของเราคือ 1. ต้องเอาคอลเซ็นเตอร์ออกไปให้ได้ 2. จะไม่ให้ใช้พื้นที่ของเราไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดและค้ามนุษย์ คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ถ้าเป้าหมายตรงนี้ได้เราก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องไปประท้วงหรือสร้างเงื่อนไขต่อ เพราะถือว่าเราได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายแล้ว ถ้าเป็นไปตามเป้าหมายเราก็มีสิทธิ์คืนให้กับเขาได้ แต่ถ้ายังแก้ไขปัญหาไม่ได้ก็ต้องดำเนินการต่อ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เป้าหมายของรัฐบาลคือหมดสิ้น 100% หรือลดลงอย่างเห็นได้ชัด ภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่สามารถพูดได้ว่าหมดสิ้น 100% แต่ต้องให้เห็นชัด ให้ทุกคนรู้สึก เช่น เบอร์โทรศัพท์ลดลง คดีลดลง ต้องว่าไปตามสัดส่วนและต้องประเมินสถานการณ์ตลอด ซึ่งจะมีทีมที่ช่วยตัดสินใจและรวบรวมหลักฐานอยู่
ในวงหารือมีการหารือถึงฐานแก๊งมิจฉาชีพที่อยู่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า บางอย่างที่พูดคุยเขาไม่ให้บอก เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงาน ส่วนแนวคิดสร้างกำแพงแนวชายแดนที่ติดกับปอยเปตมีความเป็นไปได้แค่ไหนนั้นยังไม่ได้ไปหาข้อสรุปถึงขั้นนั้น แต่คงต้องมีกระบวนการไปดู เพราะเป็นข้อเสนอของคนในพื้นที่ ก็ไม่ปฏิเสธและนิ่งเฉย ต้องดูรายละเอียด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีการก่อสร้างกำแพงระยะ 55 กิโลเมตร ประเมินไว้หรือไม่ว่าจะใช้งบประมาณเท่าไร ภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่รู้ว่าจะสร้างหรือไม่ มองว่าผิดขั้นตอนไป ขอให้เราตัดสินใจก่อน เมื่อตัดสินใจแล้วก็จะมีกระบวนการตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง แต่ตอนนี้ยังไม่ตัดสินใจที่จะดำเนินการ
ภูมิธรรมกล่าวทิ้งท้ายว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าจะมีการแจ้งความคืบหน้าเป็นระยะ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจัง ถ้าดูตั้งแต่เริ่มคิกออฟมาตรการ มีกระบวนการหลายอย่างเกิดขึ้นตามมา และเห็นได้ว่าไม่ได้หยุดนิ่งเลย ทุกอย่างพุ่งเป้าไปที่การจัดการปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์