วันนี้ (29 พฤษภาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายและสรุปผลการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้มาตรการ ‘Seal Stop Safe’ ในรอบ 2 เดือน (เมษายน-พฤษภาคม 2568) โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเสียสละและพร้อมเผชิญความเสี่ยงเพื่อให้การปราบปรามยาเสพติดเกิดผลเป็นรูปธรรม พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนงบประมาณและเทคโนโลยีอย่างเต็มที่
นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมความร่วมมืออย่างบูรณาการของทุกฝ่ายภายใต้มาตรการ ‘Seal Stop Safe’ ที่ดำเนินมาประมาณ 3 เดือนครึ่ง ซึ่งส่งผลให้เห็นความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมชัดเจน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวติดตลกช่วงต้นถึงความจำเป็นในการใช้ไอแพดเพื่อดูชื่อตำแหน่งของแต่ละท่าน ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาสาระของการมอบนโยบาย
แพทองธารย้อนถึงความสำเร็จในการปราบปรามยาเสพติดสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ซึ่งในอดีตแหล่งผลิตยาเสพติดจำนวนหนึ่งอยู่ในประเทศไทย แต่ปัจจุบันได้ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีกำลังการผลิตและเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าด้วยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนและผู้ที่แจ้งเบาะแส ทำให้สามารถสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดได้อย่างมหาศาล และยังคงต้องเร่งเครื่องเดินหน้าทำงานนี้ต่อไป เพื่อพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า เนื่องจากยาเสพติดเป็นอุปสรรคสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อลูกหลาน ครอบครัว และสังคม
ให้โอกาสผู้ติดยาเสพติดกลับคืนสู่สังคม
ประเด็นสำคัญอีกประการที่นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำคือการให้โอกาสผู้ที่ติดยาเสพติดได้กลับคืนสู่สังคม โดยระบุว่ารัฐบาลจะมีแผนการฟื้นฟูเพื่อให้พวกเขาสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อย่างสะอาด และขอให้ประชาชนทุกคนเปิดใจยอมรับและให้โอกาสผู้ที่อยากเริ่มต้นใหม่
นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลจะสนับสนุนทุกวิถีทางในการปราบปรามยาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยีหรืองบประมาณ เพื่อให้ยาเสพติดหมดไปจากประเทศไทย และขอให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านมั่นใจว่ารัฐบาลจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ และขอให้เกิดผลเป็นรูปธรรม พร้อมขอให้ประชาชนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้เสียสละที่ทำงานอย่างหนักและเหนื่อยมาก เพื่อให้มีความเข้มแข็ง มีกำลังใจ และทำงานอย่างปลอดภัย เนื่องจากเป็นงานที่มีความเสี่ยงสูง
ก่อนการให้นโยบาย นายกรัฐมนตรีได้ชมนิทรรศการและรับฟังรายงานผลการสกัดกั้นปราบปรามยาเสพติด โดยกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเดินหน้าปิดล้อม-บุกจับ-ขยายผล-ยึดทรัพย์ เครือข่ายรายสำคัญได้กว่า 31 คดี มีผู้ต้องหา 34 คน และสามารถยึดของกลางได้จำนวนมาก ได้แก่:
- ยาบ้า: 29.93 ล้านเม็ด
- เฮโรอีน: 126 กิโลกรัม
- ไอซ์และเคตามีน: 4,443 กิโลกรัม
- ยึดอายัดทรัพย์สิน: 1,900 ล้านบาท
