วันนี้ (31 สิงหาคม) ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง กรุงเทพมหานคร กลุ่มไทยภักดี นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำของกลุ่มไทยภักดี ได้นัดรวมตัวสมาชิกและเครือข่ายที่มีจุดยืนเดียวกัน เพื่อทำกิจกรรมแสดงจุดยืนภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการจัดกิจกรรมเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 14.00 น. แม้จะมีฝนตกลงมา แต่ยังมีประชาชนทยอยเข้าร่วมกิจกรรมต่อเนื่อง มีมาตรการดูแลความปลอดภัยด้านสุขภาพ ผ่านจุดคัดกรอง และสวมหน้ากากอนามัย ขณะที่บริเวณด้านล่างอัฒจันทร์ได้มีการจัดเก้าอี้ไว้สำหรับให้ประชาชนที่มาเข้าร่วมกิจกรรมได้นั่งโดยเว้นระยะห่าง ขณะที่บนอัฒจันทร์ก็มีประชาชนจับจองพื้นที่
ประชาชนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมกิจกรรมแต่งกายด้วยสีเหลืองและสีฟ้า แต่จะมีการผูกโบสีธงชาติ และมีการนำผ้าลายสีธงชาติมาคาดหัวหรือผูกที่ผมเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการแสดงออก บางคนนำนกหวีดมาเป่าด้วย ขณะที่ นพ.วรงค์ ได้ขึ้นเวที นำผู้เข้าร่วมงานยืนตรงร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนจะประกาศจุดยืนปฏิเสธการถูกว่าจ้าง และยืนยันว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มว่าไม่ใช่สร้างม็อบชนม็อบเพื่อให้เกิดการปะทะตามที่มีการโจมตี จากนั้นมีการปราศรัยสลับกับการเปิดเพลงพระราชนิพนธ์ เช่น คชโยธี เฉียบแหลม แกนนำเยาวชนช่วยชาติ ได้ขึ้นมาร้องเพลง อุ๊-หฤทัย ม่วงบุญศรี ได้ขึ้นมากล่าวปราศรัยถึงการพาประเทศไทยก้าวพ้นความขัดแย้ง
ขณะที่ในช่วงท้ายก่อนจบเวที นพ.วรงค์ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัย ระบุว่าการจัดเวทีในวันนี้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกกลัว และมีการออกข่าวว่าตนเองใช้เงินถึง 10 ล้านบาท แต่ขอบอกว่าพวกเรามาด้วยหัวใจ เรามาด้วยอุดมการณ์ เราขอท้าทายอีกฝ่ายด้วยการเชิญชวนให้พวกเราตะโกนพร้อมกันดังๆ ถึงอุดมการณ์ไทยภักดี 5 ข้อ
นพ.วรงค์ ยืนยันว่าไม่ได้จัดม็อบ แต่จัดเวทีไทยภักดีเพื่อพบปะประชาชน แนวคิดม็อบชนม็อบไม่ได้อยู่ในความคิด แต่จะใช้ความจริงในการต่อสู้ และชัยชนะจะเป็นของเรา เพราะเราต่อสู้บนความเป็นจริง
นพ.วรงค์ ยังปราศรัยต่อว่าอยู่ๆ มีแฟลชม็อบเกิดขึ้น มีข้อเรียกร้อง 3 ข้อเกิดขึ้น และแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขอให้พี่น้องย้อนกลับไป 2 ปีก่อน เมื่อมีการทำประชามติรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ในเดือนสิงหาคม 2559 หลายฝ่ายแสดงออกอย่างเต็มที่ ใช้โซเชียลมีเดียแสดงออกกันทุกฝ่าย ผลออกมาว่ารัฐธรรมนูญผ่านประชามติ รวมทั้งคำถามพ่วง หลังเหตุการณ์นั้นมีการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับ จากนั้นมีม็อบอยากเลือกตั้งเกิดขึ้น ก็คือกลุ่มคนเหล่านี้ในเวลาปัจจุบัน เมื่อมีม็อบอยากเลือกตั้ง เขารู้อยู่แล้วว่าจะมีการเลือกตั้ง แสดงว่ายอมรับในรัฐธรรมนูญนี้ ธนาธรบอกว่าเขาจะสู้ภายใต้กติกานี้ ภายใต้กลไกของสภา ต่อมาเดือนมีนาคม 2562 พรรคคนรุ่นใหม่ได้คะแนนสูงเป็นอันดับ 3 เขาภูมิใจมาก ตนเองไปดูก็เห็นเขาภูมิใจต่อคะแนนที่ได้รับ
นพ.วรงค์ ปราศรัยต่อว่าจุดที่สร้างความมั่นใจให้เขามากขึ้นคือเดือนพฤษภาคม 2562 พรรคเพื่อไทยถูกให้ใบแดงที่เชียงใหม่ อนาคตใหม่ส่งคนลงก็ชนะถล่มทลาย บอกว่านี่คือการลงโทษ พล.อ. ประยุทธ์ ต่อมามีการเลือกนายกฯ พล.อ. ประยุทธ์ ชนะธนาธรถล่มทลาย แต่หลังจากธนาธรแพ้เริ่มมีคำว่าเผด็จการเกิดขึ้น จากนั้นก็เดินสายยุโรป สหรัฐอเมริกา ไปฟ้องฝรั่งว่าเราเป็นเผด็จการ ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ต่างชาติเขายอมรัฐบาลประยุทธ์ คำถามคือถ้าเป็นแบบธนาธรว่า ทำไมเขายอมรับรัฐบาลนี้
“ต่อมามีปัญหาเรื่องการยุบพรรค กรณีถือหุ้นสื่อ เพราะคุณมีเลขาธิการพรรคเป็นนักกฎหมายที่ไม่ได้เรื่อง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินธนาธรในเดือนธันวาคม 2562 การไปให้ปากคำของธนาธรมีแต่คำตอบว่าจำไม่ได้ และหลังจากนั้นก็เริ่มมีแฟลชม็อบ และตามมาด้วยคดีให้ยืมเงินของพรรคอนาคตใหม่จากหัวหน้าพรรค ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ เพราะกู้เงินหัวหน้าพรรคแบบผิดกฎหมาย จากนั้นปฏิกิริยาเริ่มรุนแรงขึ้น เขาออกมาบอกว่าประเทศนี้ถูกปกครองด้วยเผด็จการจนนำมาสู่การเกิดม็อบในวันนี้” นพ.วรงค์กล่าว
นพ.วรงค์ ปราศรัยอีกว่าวันนี้ม็อบนักศึกษาเรียกร้องเกิน 3 ข้อ คุณบอกว่าหยุดคุกคามประชาชน ตนไม่เห็นว่ามีตรงไหนที่คุกคาม แต่เอาสีไปสาดตำรวจบอกว่าสันติ จากเขาเคยเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งเท่ากับเขายอมรับรัฐธรรมนูญ จนตัวเองทำผิดกฎหมายแต่ไม่ยอมรับผิด พอศาลยุบพรรคก็มาปลุกระดมนักเรียน นิสิตนักศึกษา
“จุดที่อันตรายคือข้อเรียกร้องเกินกว่า 3 ข้อคือ 10 ข้อ ซึ่งมันกำลังทำร้ายจิตใจของคนทั้งประเทศ ผมอ่านข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ผมเรียนว่าผมไม่เคยเห็นสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตย ถ้าดูข้อเรียกร้องของนักศึกษา ไม่มีข้อเรียกร้องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับอำนาจที่ทำให้รัฐบาลทำงานไม่ได้ ประเทศไทยไม่เคยมีแบบฝรั่งเศส สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยไม่เคยข่มเหงประชาชน ท่านออกไปเยี่ยมเยียนประชาชนเสมอ”
นพ.วรงค์ กล่าวว่า “ขอถามว่าทั้งเรื่อง 10 ข้อที่เรียกร้องว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดินหรือไม่ ไม่เคยมี เป็นเรื่องอคติของพวกคุณ ต้องไปปรึกษาจิตแพทย์ ผมว่าบ้า ข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือการอำพรางเพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์ เรื่องทั้งหมดคือธนาธรทำผิดกฎหมายแล้วไม่พอใจ มีนักกฎหมายเฮงซวยแบบปิยบุตร คนแบบนี้เลวระยำ อันนี้ไม่มีเลย พระองค์ท่านทรงไปเยี่ยมเยียนประชาชน ดูแลแบบพ่อปกครองลูก”
นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า “คนพวกนี้ชอบตัดตอนประวัติศาสตร์ พวกนี้ชอบพูดเรื่องปฏิวัติ รัฐประหาร บิดเบือนข้อเท็จจริง ปัญหาแผ่นดินนี้อยู่ที่นักการเมือง ถ้าแก้ที่นักการเมืองถึงจะดีขึ้น แทนที่คิดจะปรับปรุงตัวเอง นี่จะไปแก้สถาบันพระมหากษัตริย์ ลามปาม สมควรขับออกจากแผ่นดินไทย ขณะที่คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเป็นการโกงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เราสามารถเอาเงินนี้ไปซื้อเรือดำน้ำได้ วันที่พวกเราไม่ทนที่สุดคือการออกกฎหมายล้างผิดให้คนโกงกลับบ้าน วันนั้นประชาชนออกมามากที่สุดนับแต่ตั้งแผ่นดินไทย ผมยืนยันว่าถ้ารัฐบาลนั้นดูแลประชาชนอย่างดี ยกมาทั้งกองทัพก็ไม่มีใครทำอะไรได้
“ผมฝากไปยังนักการเมืองทุกคน ถึงเวลาแล้วที่พวกคุณต้องปฏิรูปตัวเอง นักศึกษาอาจจะไม่เคยได้ยินว่านักการเมืองชั่ว”
นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า “สถานการณ์วันนี้มันเลวร้าย ลามปาม สีธงชาติกำลังถูกคนพวกนี้จ้องทำร้าย ผมเห็นพวกนี้ตำหนิต่อว่าสถาบัน ท่านชี้แจงไม่ได้ ท่านไม่มีโอกาสชี้แจง เหมือนท่านถูกมัดมือชกจากคนชั่ว มันกำลังรังแกสีน้ำเงินคือสถาบันพระมหากษัตริย์ เวลานี้สีขาวคือศาสนา มันกำลังยุยงให้ขัดแย้งกัน ส่วนสีแดงคือประเทศและประชาชน ถ้าพี่น้องไม่มีความรู้สึกร้อยเข้าหากันจะไม่มีทางเป็นชาติ แต่วันนี้เรามีหลายอย่างที่ร้อยความเป็นไทยให้เป็นชาติไทย คนเหล่านี้กำลังทำลาย”
นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่าวันนี้ลูกหลานเราถูกล้างสมองเหมือนที่จีนและเขมรแดง พวกนี้กำลังใช้แนวทางยุวชนเรดการ์ด ยุวชนเขมรแดง ล้างสมองลูกหลานเรา เราต้องให้ความรัก ความอบอุ่น ดูแลเขาดีๆ วันหนึ่งเราทะเลาะก็เท่ากับเราผลักเขาไปไกลขึ้น เพราะจะกลายเป็นยุวชนชังชาติ พร้อมระบุข้อเรียกร้องว่า
- เรียกร้องไปยังอธิการบดีให้ปิดพื้นที่ที่จะเอาอาจารย์ชังชาติทำร้ายสถาบันมาสอนหนังสือ ถ้ามีแบบนี้ถือว่าพวกท่านสมรู้ร่วมคิด เราขอเตือนว่าถึงวันหนึ่งประชาชนทนไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้น
- เรียกร้องไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ผ่านมาท่านหน่อมแน้ม ควรตื่นแล้วเรียกผู้บริหารมาคุย โดยเฉพาะนักเรียนที่เป็นไม้อ่อนดัดง่าย ให้ผู้อำนวยการเอาจริงสำหรับพวกล้างสมองเยาวชน ถ้าท่านไม่จัดการ พี่น้องประชาชนจะจัดการรัฐมนตรี
- มีการคุกคามพี่น้องประชาชนเยอะมาก วันนี้พี่น้องประชาชนถูกคุกคามเยอะมาก เอาถังสีไปสาดบอกว่าเป็นสันติวิธี อยากบอกรัฐบาลว่าเรามาแบ่งงานกันทำ เราขอให้ดำเนินคดีกับทุกคนอย่างเป็นอิสระ แต่ถ้ามีองค์กรไหนถูกคุกคาม บอกพวกเรา ไทยภักดีจะดูแลประชาชน ‘กองทุนต่อสู้ช่วยเหลือผู้ถูกคุกคามและช่วยเหลือกลุ่มไทยภักดี’ กองทุนนี้จะดูแลประชาชน โดยตนจะไม่แตะแม้แต่สลึงเดียว ขอประกาศไปยังทนายความทั้งแผ่นดิน ขอรับสมัครทนายความอาสาทั้งประเทศเพื่อดูแลประชาชนที่ถูกคุกคาม เราใช้ความจริงและกฎหมายในการต่อสู้ เราได้มาแล้ว 1 แสนบาท
นพ.วรงค์ ยังประกาศว่าในวันที่ 20 กันยายนนี้ ไทยภักดีจะเดินสายไปจังหวัดนครศรีธรรมราช และหากมีจังหวัดไหนต้องการให้ไปให้โพสต์ที่เฟซบุ๊ก และยังประกาศจะไปยื่นหนังสือถึงรัฐบาลญี่ปุ่นให้ดำเนินการทุกทางเพื่อไม่ให้ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการไทยที่ลี้ภัยในญี่ปุ่นได้มีพื้นที่ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วย
สำหรับอุดมการณ์ 5 ข้อคือ 1. ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2. สืบสานรากเหง้า เอกลักษณ์ อัตลักษณ์ความเป็นไทย 3. อำนาจควบคุมตรวจสอบทุนผูกขาด 4. เสริมสร้างความเท่าเทียมด้วยเทคโนโลยีทันสมัยในการประกอบอาชีพของทุกชนชั้น และ 5. สร้างรากฐานความมั่งคั่งของชาติอย่างมั่นคงด้วยระบบเศรษฐกิจพึ่งพาตนเอง
พร้อมประกาศข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือ 1. ต้องไม่ยุบสภา 2. ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดทุกกลุ่มที่จาบจ้วงสถาบัน และ 3. ต้องไม่แก้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์