กองทัพเรือประกาศใช้มาตรการทางทหารผลักดันกำลังพลกัมพูชาพ้นชายแดนตราด หลังเจรจาไม่เป็นผลและพบการเสริมอาวุธหนักรุกล้ำอธิปไตย

วันนี้ (9 ธันวาคม) เมื่อเวลา 05.40 น. พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ได้ออกมาแถลงชี้แจงถึงสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ด้านจังหวัดตราด โดยระบุว่า กองทัพเรือและหน่วยงานด้านความมั่นคงมีความจำเป็นต้องเปิดปฏิบัติการทางทหารเพื่อผลักดันและขับไล่กองกำลังทหารกัมพูชาออกจากดินแดนอธิปไตยของไทย เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

ภายหลังจากที่ฝ่ายไทยได้พยายามแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนสากลจากมาตรการเบาไปหาหนัก ทั้งการประสานแจ้งเตือนและการเจรจาในทุกระดับเพื่อให้ถอนกำลังออกไป แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากฝ่ายกัมพูชา

จากหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศล่าสุดบริเวณบ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด ปรากฏชัดเจนว่าทหารกัมพูชาได้ย้อนกลับเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการในเขตอธิปไตยของไทยอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างถาวรและถอนกำลังออกไปแล้ว

นอกจากจะไม่ปฏิบัติตามการเจรจา ฝ่ายกัมพูชายังได้ยกระดับสถานการณ์ด้วยการเสริมกำลังพลชุดรบพิเศษ พลซุ่มยิง และติดตั้งอาวุธหนัก อาทิ จรวดหลายลำกล้อง รวมถึงมีการขุดคูเลตปรับปรุงฐานที่มั่น และใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินลาดตระเวนล้ำเข้ามายังที่ตั้งทางทหารของไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกองทัพเรือประเมินแล้วว่าเป็นพฤติกรรมที่แสดงเจตนาคุกคามต่ออธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน

โฆษกกองทัพเรือ ยืนยันว่า การตัดสินใจใช้ปฏิบัติการทางทหารในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการตามหลักการป้องกันตนเองสากล (Right of Self-Defence) และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยจะยึดหลักการใช้กำลังเท่าที่จำเป็นและได้สัดส่วน เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงจำกัดและหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย

ทั้งนี้ การปฏิบัติการทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของศูนย์บัญชาการทางทหาร โดยคำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติเป็นสำคัญ และขอย้ำว่าประเทศไทยจะไม่ยอมให้มีการละเมิดอธิปไตยหรือการกระทำใดๆ ที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติอย่างเด็ดขาด

อ้างอิง: สำนักงานโฆษกกองทัพเรือ