ปี 2566 ภาพรวมผลประกอบการ บจ. ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวฟื้นตัวชัดเจน
บริษัทจดทะเบียน (บจ.) รายงานผลการดำเนินงานปี 2566 ภาพรวมรายได้และกำไรสุทธิลดลงจากปีก่อน ถูกกดดันจากหมวดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อย่างไรก็ดี ธุรกิจภาคการท่องเที่ยวและเทคโนโลยีเติบโตต่อเนื่อง
แมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) จำนวน 817 บริษัท คิดเป็น 99.51% จากทั้งหมด 821 บริษัท (รวม SET และ mai ที่มีกำหนดส่งงบการเงิน ณ สิ้นงวด 31 ธันวาคม 2566 และไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน) นำส่งผลการดำเนินงานปี 2566 พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 626 บริษัท คิดเป็น 76.62% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
ผลการดำเนินงานปี 2566 เทียบกับปีก่อน บจ. ใน SET มียอดขาย 17,231,564 ล้านบาท ลดลง 2.6% ต้นทุนการผลิตปรับลดลง 2.2% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้น 3.9% ซึ่งส่งผลให้ บจ. มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core Profit) 1,649,990 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 961,042 ล้านบาท ลดลง 12.4% และ 10.7% ตามลำดับ
สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 บจ.ไทย มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E Ratio (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ระดับ 1.51 เท่า ลดลงจาก 1.54 เท่าของปี 2565
“ภาพรวมผลประกอบการที่อ่อนตัวลงทั้งยอดขายและกำไรจากการดำเนินงาน เป็นผลกระทบจากการลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลากหลายชนิด ทั้งในกลุ่มน้ำมัน สินค้าเกษตร และอาหาร อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับสูงขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่คงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างชัดเจนและเติบโตต่อเนื่องจากนโยบายส่งเสริมของภาครัฐ เช่น ธุรกิจการบิน โรงแรม พื้นที่เช่า ค้าปลีก และโทรคมนาคม” แมนพงศ์กล่าว
บจ. mai กำไรสุทธิรวม 5,901 ล้านบาท ลดลง 35.1%
บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2566 มียอดขายรวม 200,181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% ขณะที่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 0.5% ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 13.4% ทำให้กำไรจากการดำเนินงานลดลง 10.2% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน พบกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มธุรกิจการเงิน เป็น 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีผลการดำเนินงานเติบโตทั้งยอดขายและกำไร
ผลการดำเนินงานประจำปี 2566 ของ บจ. mai เปรียบเทียบกับปีก่อน มียอดขายรวม 200,181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% ต้นทุนขาย 147,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เพิ่มขึ้นจาก 24.9% มาอยู่ที่ 26.1% อย่างไรก็ดี การที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้น 13.4% ส่งผลให้ บจ. มีกำไรจากการดำเนินงาน 12,186 ล้านบาท ลดลง 10.2% และมีกำไรสุทธิรวม 5,901 ล้านบาท ลดลง 35.1%
ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 339,046 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.11% จากสิ้นปี 2565 โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.79 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 2565 ที่เท่ากับ 0.81 เท่า
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 215 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 7 มีนาคม 2567) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 409.80 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (Market Capitalization) อยู่ที่ 414,235.76 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 2,017 ล้านบาทต่อวัน