ดาต้าเซ็ต เผยอินไซต์ พบ ประชาชนส่วนใหญ่หนุนโครงการ ‘คนละครึ่ง’ มากกว่า ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่คาดหวังให้รัฐบาลปรับเพิ่มวงเงินการใช้จ่ายต่อวัน รวมถึงขยายระยะเวลาโครงการแบ่งเป็นหลายเฟส อย่างไรก็ตาม ความเห็นเกี่ยวกับแบบการให้เงินอุดหนุน ‘60:40’ และ ‘50:50’ กลับแตกออกเป็นสองฝั่ง ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
วันนี้ (29 กันยายน) บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด เผยแพร่ผลการฟังเสียงผู้บริโภคบนสื่อสังคมออนไลน์ (Social Listening) ที่ได้ทำการรวบรวมข้อมูล เมื่อช่วงวันที่ 4 กันยายน – 21 กันยายน 2568 เพื่อถอดรหัส หา Insight เบื้องหลัง ท่ามกลางกระแสการปัดฝุ่นนโยบาย ‘คนละครึ่ง’
จากการสำรวจ พบว่า เสียงส่วนใหญ่ต้องการให้นโยบาย ‘คนละครึ่ง’ กลับมาอย่างชัดเจน ซึ่งประชาชนมีข้อเสนอ และความคาดหวังต่อนโยบายที่สำคัญแตกต่างกันไปดังนี้
โดย 50% ให้ความสำคัญกับการปรับเพิ่มวงเงินการใช้จ่ายต่อวัน เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน และต้องการขยายโครงการออกเป็นหลายเฟส เพื่อยืดเวลาแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย
ขณะที่ 40% มองว่า ควรใช้แอป ‘เป๋าตัง’ ตามเดิม และไม่ต้องการให้ผู้ที่เคยได้รับ ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ ได้รับสิทธิ์ซ้ำ เพื่อกระจายความช่วยเหลือให้กับผู้ที่ยังไม่เคยได้รับโอกาส แต่ยังมอบสิทธิ์ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) เพื่อไม่ให้ซ้ำเติมกลุ่มคนเปราะบาง
ส่วนอีก 10% มองว่า ควรจำกัดการใช้จ่ายเฉพาะร้านค้าขนาดเล็ก หรือร้านหาบเร่แผงลอยที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง เพื่อให้เม็ดเงินกระจายไปสู่ผู้ประกอบการรายย่อยอย่างทั่วถึง และไม่กระจุกตัวอยู่กับร้านสะดวกซื้อหรือนายทุนรายใหญ่ รวมถึง เสนอให้เพิ่มเงื่อนไขส่งเสริมสินค้าที่ผลิตโดยคนไทย (Made in Thailand) เพื่อช่วยผู้ผลิตในประเทศอีกด้วย
เสียงส่วนใหญ่หนุน ‘คนละครึ่ง’ มากกว่า ‘เงินหมื่นดิจิทัล’
ทั้งนี้ เมื่อนำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่าง ‘คนละครึ่ง’ และ ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ มาเปรียบเทียบ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่มีความสนใจนโยบาย ‘คนละครึ่ง’ มากกว่า ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ ในสัดส่วน 60% ต่อ 22%
โดยประชาชนส่วนใหญ่มองว่าโครงการ ‘คนละครึ่ง’ มีความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพมากกว่า โครงการ ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ โดยมองว่า ‘คนละครึ่ง’ เป็นโครงการที่จับต้องได้และเห็นผลชัดเจน ซึ่งสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และทำให้เงินหมุนเวียนไปยังร้านค้ารายย่อยได้จริง
สำหรับกลุ่มที่ชื่นชอบโครงการ ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ มากกว่า ‘คนละครึ่ง’ มองว่า การได้รับเงินก้อนจำนวนหนึ่งหมื่นบาทตรงกับความต้องการมากกว่า เพราะสามารถนำไปใช้กับภาระหนี้สินหรือซื้อของชิ้นใหญ่ที่จำเป็น หรือสามารถใช้เป็นทุนหมุนเวียนได้ในยามจำเป็น ขณะที่โครงการคนละครึ่งมีข้อจำกัดในการใช้จ่ายแต่ละครั้ง
อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มคนซึ่งไม่เชื่อมั่นในนโยบายภาครัฐอีกกว่า 18% ซึ่งมีความผิดหวังและสูญเสียความไว้วางใจต่อนโยบายภาครัฐมาก่อน ในโครงการ ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ และ โครงการ ‘รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย’
เสียงแตก ประเด็นรัฐหนุนผู้จ่ายภาษี 60:40
ทั้งนี้ หนึ่งในประเด็นที่ได้รับการถกเถียงอย่างร้อนแรง และความเห็นถูกแบ่งเป็นสองฝั่ง ได้แก่แนวคิดของการปรับสัดส่วนร่วมจ่าย ซึ่งรัฐให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผ่านการอุดหนุนเงิน 60:40 ขณะที่ประชาชนทั่วไปได้อัตรา 50:50 ตามเดิม
อย่างไรก็ตาม ฝั่งสนับสนุนได้แสดงถึงความเข้าใจและยอมรับ โดยมองว่าการปรับสัดส่วนการร่วมจ่ายนั้น มีความสมเหตุสมผล และเป็นการตอบแทนพลเมืองที่ปฏิบัติหน้าที่เสียภาษีอย่างครบถ้วน ซึ่งอาจจูงใจให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น
ในทางกลับกัน ฝั่งคัดค้านซึ่งแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน มองว่า การสร้างเงื่อนไขใหม่ที่ให้สิทธิประโยชน์แตกต่างกันนั้นไม่ต่างอะไรกับการ “แบ่งแยกชนชั้น” และสร้างความซับซ้อนโดยไม่จำเป็น
สุดท้ายนี้ จากการวิเคราะห์มุมมองผู้บริโภคในสื่อสังคมออนไลน์จะพบว่า ‘คนละครึ่ง’ ยังคงเป็นโครงการที่ได้รับความสนใจจากประชาชนในระดับสูง ซึ่งมีความคาดหวังให้มีการปรับปรุงและพัฒนาโครงการเพิ่มเติม เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้น