วันนี้ (21 กุมภาพันธ์) พล.อ. คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์มาโดยตลอด โดยฝ่ายความมั่นคงนั้นเป็นฝ่ายสนับสนุนการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ในการแก้ไขปัญหา ยืนยันรัฐบาลได้ทำตามหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และรัฐบาลช่วยเหลือโดยไม่เลือกปฏิบัติทุกชาติ ซึ่งปัจจุบันการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ประสานการทำงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศด้วย รวมทั้งภาคีเครือข่ายประเทศเพื่อนบ้านออสเตรเลีย เป็นต้น แต่พบว่ามีปัญหาในแรงงานภาคประมง ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญตามคำแนะนำของสหรัฐอเมริกา รวมถึงมองไปถึงปัญหาการค้าประเวณีในพื้นที่และในออนไลน์ด้วย เพราะการบังคับข่มขู่ทรมานจิตใจ ทำร้ายร่างกาย ข่มขืน เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ รัฐบาลก็พร้อมแก้ไขเต็มที่ ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อมูลหรือพบเห็นปัญหาดังกล่าวให้ส่งข้อมูลมายังภาครัฐได้ด้วย
ส่วนปัญหาชาวโรฮิงญา พล.อ. คงชีพเปิดเผยว่า เป็นคดีความตั้งแต่ปี 2558 รัฐบาลก็ดำเนินการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดจำนวนมาก พร้อมสืบสวนคนที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งทำทุกอย่างตามความเป็นจริง ปัจจุบันเชื่อว่าหากพบข้อมูลเพิ่มเติมรัฐบาลก็ไม่เอาไว้ โดยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการตามความเป็นจริง ยืนยันรัฐบาลไม่มีละเว้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ด้านพื้นที่ตามแนวชายแดน พล.อ. คงชีพกล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ดำเนินการตามคำสั่งของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กำชับให้กองกำลังตามแนวชายแดน 7 กองกำลัง ทั้งทางบกและทางน้ำ ดำเนินการสกัดกั้น จับกุมดำเนินการ คนที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยมีการเพิ่มเติมกำลังป้องกันชายแดนอีก 4 กองร้อย ในพื้นที่ชายแดนที่มีการลักลอบของแรงงานผิดกฎหมายจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา โดยทำงานร่วมกับตำรวจตระเวนชายแดน ฝ่ายปกครอง จับกุมตามแนวชายแดนช่องทางธรรมชาติ พร้อมเพิ่มความถี่ในการตรวจตรามากขึ้น ซึ่งพบว่าสถิติการจับกุมล่าสุดเฉลี่ยวันละกว่า 200 คน ซึ่งจับกุมได้เกือบทุกวัน โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สามารถจับกุมชาวเมียนมาที่ลักลอบเข้าเมืองถึง 248 ราย ที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดจันทบุรี นอกจากนี้ยังจับกุมคนที่ลักลอบเข้าเมืองจาก สปป.ลาว กัมพูชา ได้อีกด้วย แต่ส่วนใหญ่ชาวเมียนมาจับกุมได้มากที่สุด โดยสาเหตุมาจากการที่ไทยต้องการแรงงาน สภาวะเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านที่ชะลอตัว และสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดน ทำให้แรงงานหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทย แต่รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงานก็เปิดให้แรงงานเหล่านี้เข้าสู่ระบบมากขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมพยายามที่จะทำการคัดกรองและซีลตามแนวชายแดน เพื่อให้ได้แรงงานที่ถูกกฎหมาย
พล.อ. คงชีพกล่าวด้วยว่า ในส่วนของฝ่ายความมั่นคงมีความพร้อมในการรองรับเปิดด่านชายแดนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงเดือนมีนาคม ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงเตรียมมาตรการต่างๆ รองรับมาโดยตลอด แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาดของโควิดในประเทศมาเลเซียด้วยว่ามีความพร้อมแค่ไหน ดังนั้นขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าพูดคุยตกลงหารือกันแล้ว ไทยก็มีความพร้อม แต่ทั้งนี้ต้องรอให้ตกลงกันก่อน