เมื่อวันก่อนผมนั่งอ่าน ‘เรื่องเล่าแคมป์โต๊ะเล็ก’ ที่ทางเพจ ‘ช้างศึก’ นำมาเล่าสู่กันฟัง รู้สึกประทับใจในการร้อยเรียงเรื่องราวของผู้เขียนนั่นหนึ่ง
อีกหนึ่งคือความประทับใจในสิ่งที่ มิเกล โรดริโก โค้ชฟุตซอลทีมชาติไทยพยายามสื่อสารกับลูกทีมทุกคนผ่าน เดฟ-เดวิด อบาลเด ล่ามประจำทีมที่เป็นวุ้นแปลภาษาให้แก่โค้ชชาวสเปน เพื่อให้รู้ถึงความสำคัญและความหมายของการลงสนามในศึกฟุตซอลโลก 2024 ซึ่งไทยจะพบกับฝรั่งเศสในช่วงค่ำของวันนี้
เพราะในสิ่งที่มิเกลพูดมันมีความหมายมากกว่าแค่เรื่องของคำว่ากีฬา
มันคือความหมายของชีวิต และเป็นสิ่งที่ผม รวมถึงแฟนฟุตซอลทีมชาติไทยเองก็อยากจะฝากถึงนักเตะโต๊ะเล็กทั้ง 14 คนเหมือนกัน
“พวกคุณทำให้ผมได้ไหม?”
ย้อนกลับไปในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นในเกมนัดสุดท้ายของรอบแรกในศึกฟุตซอลชิงแชมป์โลกระหว่างอิหร่านกับฝรั่งเศส
สองชาตินี้ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายอย่างแน่นอนแล้ว การจะถนอมตัวไม่ใช่เรื่องที่ผิด
แต่สิ่งที่ชวนให้เห็นความผิดปกติคือการเล่นแบบไม่เต็มที่ ไม่สมศักดิ์ศรี และกลายเป็นหนึ่งใน ‘เกมอัปยศ’ ของประวัติศาสตร์ฟุตซอลที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นการเล่น ‘ซูเอี๋ย’ กันแบบนี้ในเกมระดับนี้และในยุคสมัยนี้
อย่างที่หลายคนทราบครับ ทั้งสองทีมดูมี Hidden Agenda ชัดเจนในการลงสนามวันนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องของการเล่นกันอย่างไม่เต็มที่ แต่ลามไปถึงเรื่องของการเล่นแบบ ‘หวังผล’ เพื่อจะเลือกเส้นทางที่คิดว่าเบาที่สุดสำหรับพวกเขาเองเมื่อเข้าสู่รอบน็อกเอาต์
โดยเงื่อนไขเข้าใจไม่ยาก เส้นทางนั้นจะต้องไม่เจอกับบราซิล ทีมโคตรแกร่งของวงการที่คาดว่าจะเป็นด่านหินในรอบ 8 ทีมสุดท้ายหากทะลุรอบ 16 ทีมไป
เรื่องนี้ทำให้ มิเกล โรดริโก ออกมาประณามทั้งสองชาติ – อิหร่านและฝรั่งเศส – ว่าบ่อนทำลายศักดิ์ศรีของกีฬาฟุตซอลและเป็นสิ่งที่ไม่อาจให้อภัยได้
เพราะในแง่ของเกมกีฬาแล้ว การกระทำของทั้งอิหร่านและฝรั่งเศสสอบตกและควรให้ซ้ำชั้น ในแง่ของคำว่า ‘Fair Play’ อย่างรุนแรง
ไหนเล่าการเล่นที่บริสุทธิ์ยุติธรรม? ไหนคือการลงสนามแข่งขันกันอย่างเต็มที่ให้สมกับที่เป็นนักกีฬากล้าหาญ
จริงอยู่ที่บนโลกใบนี้มันไม่ได้มีเพียงแค่สีขาวกับดำ มันมีสีเทาคั่นตรงกลางเสมอ อยู่ที่ว่าจะเทาอ่อนหรือเทาเข้ม
เพียงแต่ในเกมกีฬาแล้วมันมีสิ่งที่เราเรียกว่า ‘เกียรติและศักดิ์ศรี’ อยู่
ในความรู้สึกของโค้ชมิเกล สิ่งที่อิหร่านและโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝรั่งเศสทำ เป็นการทำลายคุณค่าของสิ่งเหล่านี้ในเกมกีฬาที่เขารัก
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นการดูถูกทีมฟุตซอลไทยที่เขารักอย่างรุนแรงด้วย
ตรงนี้เองที่ทำให้เขายอมไม่ได้และออกมาโพสต์ข้อความประณามในช่องทางส่วนตัวของตัวเอง
พวกคุณเห็นการเล่นของฝรั่งเศสกับอิหร่านเมื่อวานแล้วใช่ไหม?” มิเกลเริ่มพูดกับแข้งโต๊ะเล็ก
พวกคุณคิดว่าพวกเขาเล่นแบบนั้นเพราะอะไร? เพราะพวกเขาอยากมาเจอกับเรา เพราะพวกเขาคิดว่าเราเป็นทีมที่อ่อนที่สุด
พวกคุณเองก็คงเห็นสิ่งที่ผมโพสต์ และแน่นอนว่าทางอิหร่านได้ยื่นเรื่องต่อ FIFA เกี่ยวกับสิ่งที่ผมทำไปแล้ว
แต่ผมไม่แคร์
สิ่งที่ผมทำลงไปก็เพราะต้องการปกป้องครอบครัวของผม นั่นก็คือพวกคุณ”
– เรื่องเล่าแคมป์โต๊ะเล็ก จากเพจช้างศึก
ในประเด็นเรื่องของการร้องเรียน – ซึ่งมิเกลไม่ได้ร้องเรียน (แต่กลับโดนร้องเรียนจากอิหร่านแทน) แต่มีทีมชาติลิเบียที่ร้องเรียนให้ FIFA ตรวจสอบแมตช์การแข่งขันดังกล่าว – ก็เป็นสิ่งที่จะต้องทำการตรวจสอบกันต่อไปตามกระบวนการ
แต่บางครั้งความยุติธรรมก็ไม่ได้มีแค่รูปแบบของการตัดสินตามกระบวนการเพียงอย่างเดียว
ความยุติธรรมมันสามารถเกิดขึ้นในสนามได้ด้วย
สิ่งนี้เองที่ผมเชื่อว่าไม่ใช่เฉพาะแค่แฟนฟุตซอลไทย แต่รวมถึงแฟนฟุตซอลทั่วโลก (ยกเว้นฝรั่งเศส) น่าจะอยากเอาใจช่วย 14 ขุนพลโต๊ะเล็กของเราในการลงสนามคืนนี้
แสดงให้ฝรั่งเศสได้เห็นสักหน่อยว่าเราไม่ใช่ขนมขบเคี้ยวในเชิงของทักษะการเล่นนั่นหนึ่ง
แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือการแสดงให้เห็นว่าทีมที่ดี นักกีฬาที่ดี เขามีสปิริตในการแข่งขันกันอย่างไร
สอนฝรั่งเศสผู้หลงทางใหม่อีกครั้งในเรื่องนี้ ดึงพวกเขากลับมาสู่เส้นทางที่ถูกที่ควร
ผมไม่กังวลเรื่องภาวะการควบคุมอารมณ์ของนักฟุตซอลไทยสักเท่าไร พวกเขาล้วนเป็นนักกีฬาที่ดี ได้รับการสั่งสอนมาเป็นอย่างดีจากโค้ชที่ดี ประเด็นเรื่องการเล่นให้น่าอับอายเพราะคิดว่าอยากจะมาเจอไทยจะทำให้เราแอบติดใจ ไม่ค่อยห่วง
และถ้าหากจะเจอการยั่วยุแบบ Gamesmanship หรือการใช้เล่ห์เหลี่ยมทางจิตวิทยาเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการแข่งขัน ผมก็ยังเชื่อว่านักฟุตซอลไทยทุกคนรับมือไหว
สิ่งที่ห่วงมีเพียงอย่างเดียวคือเรื่องของแรงกดดันและความคาดหวังในผลการแข่งขัน
เป็นธรรมดาของนักกีฬา ไม่มีใครอยากลงสนามแล้วกลับมาพร้อมกับความพ่ายแพ้หรอก
โดยเฉพาะในเกมที่มีเรื่องของคำว่าศักดิ์ศรีเข้ามาเกี่ยวข้อง
มิเกลเองก็บอกชัดว่าเขาต้องการชัยชนะในนัดนี้และปลุกไฟในหัวใจของทุกได้อย่างน่าประทับใจ “ผมต้องการชัยชนะในเกมนี้มากๆ ผมอยากที่จะขีดเขียนประวัติศาสตร์ไปพร้อมๆ กับพวกคุณ”
ก่อนจะทุบโต๊ะกินข้าวดังปัง!!!
“พวกคุณทำให้ผมได้ไหม”
คำตอบที่ได้กลับมาจากลูกทีมของเขาคือ “ได้ครับ” ด้วยน้ำเสียงที่ทั้งหนักและแน่นในความรู้สึก
สำหรับคนส่งกำลังใจจากทางบ้านเองก็อยากฝากถึงทัพฟุตซอลไทยของเราด้วยเหมือนกัน
รู้ว่าพยายามกันมากมายแค่ไหนกว่าจะเดินทางมาถึงจุดนี้ รู้ว่าเผชิญกับแรงกดดันและเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนักแค่ไหนจากกระแสในโลกโซเชียลมีเดียช่วงที่ผ่านมา
แต่วันนี้ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม ขอให้เล่นให้สนุก เล่นให้เต็มที่ เล่นให้สมศักดิ์ศรี
แพ้หรือชนะไม่ใช่เรื่องใหญ่ เท่าเล่นอย่างไรให้สง่างามในความทรงจำ
แล้ววันนี้จะเป็นวันที่ดีที่สุดในชีวิตของพวกคุณ รวมถึงพวกเราทุกคนด้วย