ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1 บาทต่อลิตร ตามกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 42) พ.ศ. 2568 กรมสรรพสามิตขอยืนยันว่า การปรับอัตราภาษีน้ำมันครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมัน จึงไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน
วันนี้ (7 พฤษภาคม) กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมสรรพสามิตได้เสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน 1 บาทต่อลิตร โดยในขณะเดียวกัน ก็ได้มีการพิจารณาปรับลดเงินนำส่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกในปัจจุบันที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นการปรับความสมดุลระหว่างการจัดเก็บรายได้ภาษีของรัฐและเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้เหมาะสม
กุลยากล่าวย้ำว่า กรมสรรพสามิตขอยืนยันว่า การปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและเบนซินในครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมัน และไม่ก่อให้เกิดภาระค่าครองชีพของประชาชนแต่อย่างใด
“เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง สมควรเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล เพื่อให้รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น อันเป็นการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศและเสถียรภาพทางการคลังของรัฐ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้” กฎกระทรวงระบุ
ภาพ: Supermop / Shutterstock
อ้างอิง: