วันนี้ (30 มกราคม) บัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกงสุล (ฝ่ายเกษตร) ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 ว่าการลำเลียงสินค้ากุ้งสุกแช่แข็งจากจังหวัดสงขลา น้ำหนักรวม 24 ตัน ผ่านเส้นทางรถไฟจีน-สปป.ลาว ผ่านด่านรถไฟโม่ฮาน โดยการขนส่งครั้งนี้ใช้วิธีแบบผสมผสานระหว่างรถบรรทุกและเส้นทางรถไฟจีน-สปป.ลาว ซึ่งสามารถลดระยะเวลาในการขนส่งได้ถึง 14 วัน
อีกทั้งระบบการขนส่งด้วยเทคโนโลยีห่วงโซ่ความเย็นตลอดเส้นทางนั้นมีศักยภาพ ช่วยส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจและด้านการตลาดของสินค้าประมงในรูปแบบทั้งแช่เย็นและแช่แข็ง ให้เข้าถึงตลาดภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น โดยยังคงรักษาคุณภาพความสดและความปลอดภัยของสินค้าประมงของไทย และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนได้มากขึ้น
การส่งออกสินค้าประมงแช่แข็งไทยผ่านด่านรถไฟโม่ฮานในครั้งนี้ นับเป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านขนส่งสินค้าระหว่างไทยและจีน ซึ่งสามารถรองรับและส่งเสริมการเปิดตลาดสินค้าสัตว์น้ำแช่เย็นและสินค้าประมงแช่แข็ง จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการรับทราบถึงระบบการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางรถไฟ เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะอำนวยความสะดวกและสามารถเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าไปยังเมืองและมณฑลต่างๆ ของจีนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ช่วยขยายช่องทางการส่งออกให้หลากหลายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ในโอกาสการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะกำหนดให้มีการลงนามในพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ กักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ ของผลิตภัณฑ์ประมงที่มาจากการเพาะเลี้ยงส่งออกมายังสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย และสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งพิธีสารฉบับนี้มาจากความร่วมมือของหน่วยงานทั้งสองประเทศที่มุ่งหวังให้เกิดประโยชน์ต่อการค้า และการเปิดตลาดผลิตภัณฑ์ประมงชนิดใหม่ (ปลากะพงขาว) กรมประมงเล็งเห็นถึงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและการส่งออกสินค้าสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและข้อกำหนดของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าที่สำคัญ โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันประเทศไทยขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านการส่งออกสินค้าสัตว์น้ำคุณภาพสู่ตลาดจีนในอนาคต
“กรมประมงยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันการส่งออกสินค้าประมงของไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าพัฒนาคุณภาพสินค้า ขยายตลาดส่งออก และสนับสนุนผู้ประกอบการในทุกมิติ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมประมงไทยให้ก้าวสู่ความเป็นผู้นำในระดับสากลอย่างยั่งยืน” อธิบดีกรมประมงกล่าวทิ้งท้าย