กระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยว่า มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมเป็นเจ้าภาพการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 6 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ จีน อินเดีย สปป.ลาว เมียนมา และไทย ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 19 ธันวาคมนี้ เพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เป็นข้อห่วงกังวลร่วมกัน โดยเน้นปัญหาความมั่นคงชายแดนและอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ โดยเฉพาะขบวนการค้ายาเสพติดและหลอกลวงออนไลน์
กระทรวงการต่างประเทศระบุว่า การเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทเชิงรุกของประเทศไทยในการส่งเสริมการพูดคุยที่ตรงไปตรงมา เพื่อหาแนวทางความร่วมมือแก้ไขปัญหาที่เป็นข้อห่วงกังวลร่วมกัน และสร้างความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียนและประเทศใกล้เคียงอย่างยั่งยืน
สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนปัญหาการทะลักของยาเสพติดที่ยังคงรุนแรง โดยข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ระบุว่า ในปีงบประมาณ 2567 สามารถตรวจยึดยาบ้าได้ 380 ล้านเม็ด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 56.87% ซึ่งเป็นผลจากการปราบปรามและสกัดกั้นเครือข่ายยาเสพติดที่มีแหล่งผลิตหลักอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในเขตปกครองพิเศษของกลุ่มชาติพันธุ์ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ที่กลายเป็นแหล่งผลิตยาบ้าขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่า ‘ซูเปอร์แล็บ’
ยาเสพติดเหล่านี้ถูกลำเลียงผ่านเส้นทางชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำ เข้าสู่พื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ก่อนกระจายต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงบังกลาเทศ และขยายไปสู่ตลาดที่มีมูลค่าสูงอย่างออสเตรเลียและญี่ปุ่น ซึ่งเมื่อไปถึงปลายทาง ราคายาเสพติดจะเพิ่มขึ้นมหาศาล กลายเป็นแรงจูงใจสำคัญให้ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติยังคงดำเนินการอย่างเข้มข้น
นอกจากนี้ ในลุ่มแม่น้ำโขง พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำยังเป็นศูนย์กลางสำคัญในการผลิตและลำเลียงยาเสพติดในภูมิภาค โดยมีข้อมูลการจับกุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ผลิตยาเสพติดเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณการผลิตกลับไม่ลดลง ยิ่งทำให้สถานการณ์ยาเสพติดทวีความซับซ้อนมากขึ้น
นอกจากปัญหายาเสพติดแล้ว ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงเหยื่อทางออนไลน์ ก็ถือเป็นอีกปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
กลุ่มเหยื่อเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกหลอกส่งไปยังพื้นที่ต่างๆ เช่น ประเทศเมียนมาและกัมพูชา
อ้างอิง:
- กระทรวงการต่างประเทศ