ปรีดี ดาวฉาย ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หลังดำรงตำแหน่งได้แค่ 21 วัน อ้างมีปัญหาสุขภาพ ด้านโบรกฯ มองกระทบหุ้นไทยชัดเจน หวั่นเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่าง เหตุหาผู้มีคุณสมบัติยาก ส่งผลต่อความเชื่อมั่นทางการเมือง-นโยบายเศรษฐกิจ พร้อมเตือนปัจจัยลบเดือนกันยายนจ่อเข้าอีกเพียบ กดหุ้นไทยลงในกรอบ 1,250-1,390 จุด
โบรกฯ หวั่นฉุดหุ้นไทย-เก้าอี้ว่างหา ‘ขุนคลัง’ คนใหม่ยาก
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของ ปรีดี ดาวฉาย ส่งผลกระทบเชิงลบที่ชัดเจนต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นาน และหากจะหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาดำรงตำแหน่งแทนก็เป็นเรื่องยาก
ทำให้การดำเนินนโยบายการคลังของรัฐบาลต้องหยุดชะงักก่อน แต่หากจะให้รัฐมนตรีช่วยฯ ปฏิบัติหน้าที่แทน ก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ โดยประเมินว่าสถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นยุบสภา เนื่องจากยังมีปัญหาโควิด-19 ที่รัฐบาลยังต้องเร่งแก้ปัญหา
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป ระบุว่า ปรีดีเพิ่งเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่ถึง 1 เดือน ประเมินว่ายังไม่มีการหารือเรื่องนโยบายการคลังอย่างเป็นรูปธรรมมากนัก ซึ่งสิ่งที่ต้องกังวลมากกว่าคือ จะหาบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาดำรงตำแหน่งได้หรือไม่
การลาออกของปรีดีครั้งนี้แสดงถึงความไม่มีเอกภาพของรัฐบาล ที่อาจไม่มีศักยภาพที่ดีในการแก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และทำให้ตลาดหุ้นตอบสนองในเชิงลบช่วงสั้น
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า การยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของปรีดีมีเหตุผลจากอาการป่วย โดยคาดว่าจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาดหุ้น และจะกระทบมาตรการกระตุ้นการคลังในอนาคตด้วย นอกจากนี้ยังกระทบกับค่าเงินบาท ซึ่งคาดว่าจะทำให้ค่าเงินบาทชะลอการแข็งค่าหรือมีแนวโน้มอ่อนค่าลงในช่วงสั้น
ด้าน SET เดือนกันยายน แกว่งตัวลงในกรอบ 1,250-1,390 จุด
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) เดือนกันยายน ดัชนีมีโอกาสปรับตัว Sideways (แกว่งตัว) ถึง Sideways Down (แกว่งตัวลง) หลังนักวิเคราะห์ปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน
นอกจากนี้ยังขาดปัจจัยกระตุ้นใหม่ โดยประเมินกรอบดัชนีจะเคลื่อนไหวที่ 1,270-1,340 จุด
ด้าน บล.กสิกรไทย ประเมินกรอบดัชนีหุ้นไทยในเดือนกันยายนไว้ที่ 1,280-1,370 จุด แกว่งตัวผันผวนจากหลายเหตุการณ์สำคัญ นำโดย
- การประชุม Fed ในวันที่ 14-15 กันยายนนี้ ถึงทิศทางดอกเบี้ยและการเข้าซื้อสินทรัพย์
- ประชุมสภาทั้งการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายปี 2564 และการพิจารณาญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดทางตั้ง สสร. ทั้ง 200 คน รวมถึงการชุมนุมนักศึกษาครั้งใหญ่ที่ธรรมศาสตร์ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนต่างชาติชะลอแรงซื้อในตลาดทุนเพื่อรอประเมินสถานการณ์ดังกล่าว แม้ในช่วงแรกของเดือนจะยังไม่มีปัจจัยกดดันการลงทุนก็ตาม แต่ด้วย PER ของตลาดหุ้นไทยที่ปัจจุบันซื้อขายที่ 18.8 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับพันธบัตรรัฐบาล พบว่าปัจจุบันความน่าสนใจในการลงทุนของ SET ลดลง
ขณะที่ อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด มองอยู่ที่ 1,310-1,290 จุด และมีแนวรับถัดไปที่ 1,270-1,280 และ 1,250 จุดตามลำดับ ส่วนแนวต้านสำคัญของเดือนนี้อยู่ที่ 1,340-1,350 จุด และมีแนวต้านถัดไปที่ 1,380-1,390 จุด ตามลำดับ
ชุมนุมการเมือง อาจทำให้หุ้นไทยปรับลงอีก 3%
อภิชาติเปิดเผยต่อไปว่า การชุมนุมทางการเมืองเดือนกันยายนนี้ คาดว่าจะมีน้ำหนักต่อดัชนีหุ้นไทยมากขึ้น และจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะถ่วงตลาดหุ้นไทยให้มีแนวโน้มปรับขึ้นน้อยกว่าหุ้นโลก (Underperform) โดยจากการเก็บสถิติพบว่า ในช่วงที่มีม็อบ 3 ครั้งล่าสุดคือ ม็อบพันธมิตรฯ ม็อบ นปช. และม็อบ กปปส. ดัชนีหุ้นไทยมักจะปรับตัวลงเฉลี่ยลบเกือบ 3% ซึ่งสวนทางกับตลาดหุ้นโลก ที่ในช่วงเวลาเดียวกันจะปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2%
นอกจากนี้ยังพบว่า ผลตอบแทนของหุ้นไทยจะผันแปรไปตามระยะเวลาที่มีม็อบ โดยยิ่งมีม็อบนาน ยิ่งกดดันตลาดมาก
เรียบเรียง: ประน้อม บุญร่วม
ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่: www.efinancethai.com
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า