×

เศรษฐกิจไทย Q1 ขยายตัว 3.1% เหตุเร่งส่งออกหนีภาษีทรัมป์ KResearch เตือนครึ่งปีหลังยังเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิค

19.05.2025
  • LOADING...
thai-economy-q1-growth-3-1

เศรษฐกิจไทยโต 3.1% ในไตรมาสแรก เหตุผู้ประกอบการเร่งส่งออก (Front-load) เพราะกลัวความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีการค้าสหรัฐฯ ด้าน KResearch เตือนครึ่งปีหลัง ยังเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิค ขณะที่สภาพัฒน์หั่นประมาณการ GDP ไทยทั้งปีเหลือ 1.8% (ค่ากลาง) เตือนประชาชนและภาคธุรกิจเตรียมรับมือความไม่แน่นอน เตือนรัฐบาลเก็บพื้นที่ทางการคลังไว้ให้แน่น

 

วันนี้ (19 พฤษภาคม) ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรก ปี 2568 ขยายตัว 3.1%YoY ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากการขยายตัว 3.3% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทย 1Q68 ขยายตัว 0.7%QoQ

 

โดยการขยายตัวในไตรมาสแรกของปีนี้มีปัจจัยมาจากการส่งออกสินค้าและการลงทุนภาครัฐขยายตัวในเกณฑ์สูง +13.8% และ +26.3% ตามลำดับ แม้ว่าเริ่มมีสัญญาณว่าการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนและการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคของรัฐบาลชะลอตัวก็ตาม ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ -0.9% ในปีนี้

 

ขณะที่ ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด (KResearch) เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH โดยระบุว่า ตัวเลข GDP ไตรมาสแรกที่ออกมา 3.1% ใกล้เคียงกับที่ KResearch คาดการณ์ไว้ที่ราว 3.4% โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ เศรษฐกิจไทยขยายตัวในไตรมาสที่ผ่านมาคือการเร่งการส่งออกไปยังสหรัฐฯ (Front-load) ประกอบกับการลงทุนภาครัฐที่เร่งขึ้นอย่างมากจากฐานที่ต่ำในช่วงไตรมาส 1/2567

 

อย่างไรก็ดี สินค้าคงคลังและการลงทุนภาคเอกชนยังเป็นแรงฉุดเศรษฐกิจ นอกจากนี้การส่งออกที่ขยายตัวในระดับสูงไม่ได้ส่งผ่านมายังภาคการผลิตไทย ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนและรายได้ภาคการท่องเที่ยวชะลอลง แม้ในไตรมาส 1/2568 ภาครัฐมีการออกมาตรการกระตุ้นทั้งมาตรการแจกเงินสดแก่กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป (ดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 2) รวมถึงมาตรการลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt 2.0)

 

ย้ำ GDP Q1 เกิดก่อนทรัมป์ประกาศนโยบายภาษีแบบตอบโต้ 

 

โดยในการแถลงข่าว ดนุชาเตือนว่า “ตัวเลขไตรมาส 1 แม้โดยรวมขยายตัวได้ดี แต่เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้า สหรัฐฯ ประกาศนโยบายภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) หรือเป็นช่วงเวลาที่ผู้นำเข้าสินค้าในประเทศต่างๆ เร่งการนำเข้า”

 

ส่งคำเตือนดังๆ ถึง ประชาชน ภาคธุรกิจ และรัฐบาล

 

ดนุชา กล่าวเตือนอีกว่า “ในช่วงถัดไปสถานการณ์จึงอาจมีความผันผวนมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการค้า การลงทุน และอัตราแลกเปลี่ยน แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงต่อไปจึงอาจชะลอตัวลง

 

“ดังนั้น ผมอยากจะขอเตือนให้ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม และภาคธุรกิจต่างๆ เตรียมตัวรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความผันผวนทางการค้าและเศรษฐกิจโลกในช่วงถัดไป ส่วนภาคประชาชนขอให้เตรียมความพร้อมการใช้จ่ายประจำวันให้รอบคอบมากขึ้น เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปให้ได้”

 

ย้ำรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจแบบรักษาพื้นที่ทางการคลัง

 

ดนุชายังกล่าวย้ำว่า หลังจากการปรับลดมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยโดย Moody’s ไปเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับเพิ่มพื้นที่ทางการคลังให้เพียงพอ โดยเฉพาะในฝั่งของการจัดเก็บรายได้ การรักษาวินัยการเงินและการคลังควบคู่กัน

 

“เพราะฉะนั้นในช่วงถัดไป การใช้จ่ายคงต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวังนะ และเร่งการปรับสมดุลทางการคลัง (fiscal Consolidation) เพื่อให้มีพื้นที่ทางคลังเพียงพอในการรับมือกับผลกระทบ”

 

ส่องแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568

 

แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่าจะขยายตัว 1.3-2.3% (ค่ากลางการประมาณการอยู่ที่ 1.8%) โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายลงทุนภาครัฐ สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 รวมทั้งการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของ
การบริโภคภาคเอกชน ท่ามกลางอัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง

 

อย่างไรก็ดี การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยทั้งปียังมีข้อจำกัดจากภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ตามแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก และผลกระทบจากการดำเนินมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ รวมทั้งความเสี่ยงจากความผันผวนในภาคเกษตร

 

KResearch มองครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยมีโอกาสถดถอย

 

ณัฐพร กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน KResearch ยังคงประมาณการ GDP ทั้งปีนี้ไว้ที่ 1.4% เท่าเดิมเนื่องจาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเพิ่งปรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย ทั้งปี 2568 อาจหดตัว 2.8% หรือมีจำนวน 34.5 ล้านคน ซึ่งจะทำให้รายได้การท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติหดตัว 3% จากปี 2567 หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 1.62 ล้านล้านบาท

 

โดยณัฐพรมองว่า ในไตรมาสที่ 2 เศรษฐกิจไทยยังน่าจะใกล้เคียงกับไตรมาสแรกและคาดว่าจะยังเป็นบวกได้อยู่ อย่างไรก็ตาม ช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 หรือครึ่งปีหลังยังค่อนข้างน่ากังวล และ มีความเป็นไปได้ว่าไทยอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิค (Technical Recession) ถ้าหากไม่มีปัจจัยบวกมากกว่าปัจจุบัน เช่น สหรัฐฯ ปรับลดอัตราภาษีศุลกากรเหลือ 10% ให้ทุกประเทศ นอกจากนี้ โอกาสที่จะเกิด Technical Recession มากน้อย ยังขึ้นอยู่กับวิธีบริหารจัดการของภาครัฐด้วย

 

สภาพัฒน์แนะแนวการบริหารนโยบายเศรษฐกิจช่วงที่เหลือในปี 2568

 

  • การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อให้เม็ดเงินรายจ่ายภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็วเพื่อรักษาแรงส่งจากการใช้จ่ายภาครัฐ
  • เจรจาเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนกับสหรัฐฯ และ
หาแนวทางในการลดการเกินดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ
  • เร่งรัดการส่งเสริมการส่งออกสินค้าที่ไทยยังมีศักยภาพ
  • ส่งเสริมการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มโอกาสของสินค้าไทยในตลาดโลก
  • ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจบริหารจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
  • เตรียมมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการและแรงงานที่ได้รับผลกระทบ
  • ปกป้องภาคการผลิตจากการทุ่มตลาดและการใช้นโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม เช่น การปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบคุณภาพสินค้านำเข้า การดำเนินการอย่างเคร่งครัดกับผู้กระทำความผิดลักลอบนำเข้าสินค้าที่ผิดกฎหมาย การตรวจสอบและเฝ้าระวังการทุ่มตลาด รวมทั้งการใช้มาตรการและวิธีการทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมจากประเทศผู้ส่งออกสำคัญ
  • การให้ความช่วยเหลือธุรกิจ SMEs ที่ประสบปัญหาด้านการเข้าถึงสภาพคล่องเนื่องจากคุณภาพสินเชื่อปรับลดลงต่อเนื่อง
  • การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร
  • การสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อช่วยขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising