กระทรวงการคลังเผยเศรษฐกิจไทยเดือนกรกฎาคม ยังมีสัญญาณชะลอตัวจากเดือนก่อนจากผลกระทบโควิดที่กดดันการใช้จ่ายของภาคเอกชนอ่อนแอต่อเนื่อง ด้านการส่งออกยังขยายตัวดีติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเพิ่มจำนวนสูงขึ้นในรอบ 16 เดือน
วุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนกรกฎาคม 2564 ส่งสัญญาณชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนจากการใช้จ่ายของภาคเอกชนที่มีสัญญาณชะลอลง อันเป็นผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า
โดยปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งและปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือนกรกฎาคม 2564 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า -13.3% และ -16.0% ตามลำดับ สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 40.9 จากระดับ 43.1 ในเดือนมิถุนายน 2564 เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่ยังไม่คลี่คลาย
ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนพบว่าชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าเช่นกัน โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร ดูได้จากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ลดลง -14.3% จากเดือนมิถุนายน ส่วนการลงทุนในหมวดการก่อสร้างปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ยังลดลง -10.2% จากเดือนก่อน เป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดทำให้การก่อสร้างชะลอตัว สอดคล้องกับภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง -10.3% จากเดือนก่อน และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 78.9 จากระดับ 80.7 ในเดือนมิถุนายน 2564 เนื่องจากผู้ประกอบการกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดในคลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อส่งออก
อย่างไรก็ดีมูลค่าการส่งออกสินค้าในเดือนกรกฎาคม 2564 ยังขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมูลค่าการส่งออกในรูปเงินสกุลดอลลาร์อยู่ที่ 22,650.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 20.3% และหากไม่รวมสินค้าน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย จะพบว่าการส่งออกขยายตัวถึง 25.4% เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน เติบโตได้ดีในตลาดส่งออกไปตลาดหลัก อย่างอินเดีย จีน และสหรัฐฯ ที่ขยายตัว 75.3, 41.0 และ 22.3% ตามลำดับ
โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะยางพารา ผักและผลไม้ และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง รวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เม็ดพลาสติก, เคมีภัณฑ์, น้ำมันสำเร็จรูป, แผงวงจรไฟฟ้า
นอกจากนี้ในเดือนกรกฎาคม ภาครัฐยังสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้ที่ 22.9% และเมื่อดูข้อมูลรายได้เกษตรกรที่แท้จริงยังคงขยายตัวได้ที่ 6.2 % และเมื่อพิจารณาจากอุปทานยังพบว่ามีสัญญาณขยายตัวจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร อย่างข้าวเปลือก ยางพารา มันสำปะหลัง และหมวดไม้ผล รวมทั้งเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวไทยมากขึ้น
สำหรับสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินเข้าประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม 2564 พบว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa: STV) นักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) และนักธุรกิจเดินทางเข้าประเทศไทย มีจำนวน 18,056 คน สูงสุดในรอบ 16 เดือน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, อิสราเอล, ฝรั่งเศส และเยอรมนี ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาตามโครงการ Phuket Sandbox 14,055 คน ส่วนการท่องเที่ยวของชาวไทยในเดือนกรกฎาคม 2564 อยู่ที่ 869,248 คน ลดลง -91.3%
ทั้งนี้เสถียรภาพเศรษฐกิจไทยโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.45% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.25% ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะล่าสุด ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 อยู่ที่ 55.2% ต่อ GDP ยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกิน 60% ต่อ GDP บวกกับทุนสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในระดับสูง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 อยู่ที่ 2.48 แสนดอลลาร์สหรัฐ
