การระบาดของโรคโควิดได้ผลักให้ผู้คนมีพฤติกรรมเข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น จนเป็นเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องเติบโตแบบก้าวกระโดดและมีมูลค่ามหาศาล
ยืนยันคำพูดด้วยรายงานเศรษฐกิจดิจิทัลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฉบับที่ 7 ที่จัดทำโดย Google, Temasek และ Bain & Company ที่คาดว่าประเทศไทยจะมีเศรษฐกิจดิจิทัลมูลค่าสินค้ารวมสูงถึง 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2565 โดยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 17% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่าอยู่ที่ 3 หมื่นล้านดอลลาร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ‘โตเร็วเกินคาด’ จ่อทะลุ 2 แสนล้านดอลลาร์ ส่วน ศก.ดิจิทัล ‘ไทย’ ขยายตัว 17% คาดแตะ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ปีนี้
- มหกรรมช้อปปิ้งวันคนโสดเริ่มแผ่ว คาดปี 2022 ลดลง 50% เหตุผู้บริโภคไม่มีอารมณ์จับจ่าย ‘Alibaba’ ถูกคู่แข่งดูดร้านค้าและลูกค้าไปทีละนิด
- ไม่ค่อยพึ่ง Google แล้ว ‘Lazada’ พบผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 57% ค้นหาสินค้าโดยตรงบน ‘แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ’
“ถึงแม้ว่าต้องรับมือกับความท้าทายต่างๆ ก็ตาม แต่เศรษฐกิจดิจิทัลก็ยังเติบโต โดยอีคอมเมิร์ซ บริการส่งอาหารออนไลน์ และการซื้อของสดออนไลน์ เป็นบริการดิจิทัล 3 อันดับแรกที่มีอัตราการใช้บริการสูงที่สุดในกลุ่มคนไทยที่อยู่ในเขตเมือง” แจ็คกี้ หวาง Country Director, Google ประเทศไทย กล่า
สิ่งที่น่าสนใจคือ ‘อีคอมเมิร์ซ’ เป็นแรงผลักดันที่สำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลไทย คิดเป็น 63% ของมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลโดยรวมในปี 2565 โดยตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย ในขณะที่อัตราการใช้บริการอีคอมเมิร์ซของไทยอยู่ที่ 94% ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากสิงคโปร์
โดยภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้น 8% จากปีก่อน โดยมีมูลค่าสินค้ารวมสูงถึง 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2565 และคาดว่าจะแตะ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2568 และผลสำรวจยังพบด้วยว่า 23% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยตั้งใจจะใช้บริการอีคอมเมิร์ซมากยิ่งขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
ด้าน ‘การขนส่งและบริการส่งอาหารออนไลน์’ ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังสดใส โดยคาดจะว่ามีมูลค่าสินค้ารวมแตะ 3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 12% จากปี 2564 และคาดว่าจะเติบโตขึ้นถึง 20% หรือแตะ 5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2568
รายงานพบว่า ตลาดบริการส่งอาหารออนไลน์กลับสู่แนวโน้มการเติบโตในทิศทางเดิม หลังจากที่มีการเติบโตถึง 3 เท่าในช่วงสถานการณ์โควิด โดยคาดว่าจะเติบโต 11% มีมูลค่าสินค้ารวมอยู่ที่ 2.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565 และคาดว่าจะแตะถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2568 ซึ่งจะทำให้ตลาดบริการส่งอาหารออนไลน์ของไทยใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย
ส่วนภาคการขนส่งคาดว่าจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง และคาดการณ์ว่าจะเติบโตถึง 36% มีมูลค่าสินค้ารวมอยู่ที่ 300 ล้านดอลลาร์ในปี 2565 และพุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2568
สำหรับ ‘สื่อออนไลน์’ (บริการวิดีโอออนดีมานด์ เพลงออนดีมานด์ เกม) จากที่เคยหวือหวาในช่วงโควิด ตอนนี้ได้ชะลอตัวลง โดยในปี 2565 มีการเติบโต 10% และมูลค่าสินค้ารวมอยู่ที่ 5 พันล้านดอลลาร์ การเติบโตของเพลงออนดีมานด์และวิดีโอออนดีมานด์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ด้านโฆษณาออนไลน์ยังคงรักษาการเติบโตไว้ได้คงเดิม ส่วนเกมออนไลน์พบว่าการใช้บริการลดลง เนื่องจากผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติแล้ว ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าภาคธุรกิจสื่อออนไลน์จะเติบโต 12% หรือคิดเป็นมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2568
‘การท่องเที่ยวออนไลน์’ คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง จากการที่ผู้คนออกเดินทางท่องเที่ยวหรือออกไปทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้านกันมากขึ้น ซึ่งมีระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด โดยมีการเติบโต 139% จากปี 2564 คิดเป็นมูลค่าสินค้ารวม 5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565 และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ 22% หรือมีมูลค่าสินค้ารวมที่ 9 พันล้านดอลลาร์ในปี 2568
กระนั้นคาดว่าภาคการท่องเที่ยวจะค่อยๆ ฟื้นตัว และใช้เวลาอีกหลายปีในการฟื้นตัวสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนโควิดปี 2562 เนื่องจากมีความท้าทายหลายประการ เช่น ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น การขาดแคลนของอุปทาน และมาตรการจำกัดการเดินทางของประเทศจีนที่ยังคงดำเนินต่อไป เป็นต้น ในขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ได้รับผลกระทบจากราคาที่พุ่งสูงขึ้น
‘บริการด้านการเงินดิจิทัล’ (Digital Financial Services: DFS) ซึ่งได้แก่ การชำระเงิน การโอนเงินต่างประเทศ การกู้ยืม การลงทุน และประกัน เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักในปี 2565 เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้นหลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด
ลึกเข้าไปการเติบโตของบริการด้านการเงินดิจิทัลจากนี้ไปจนถึงปี 2568 จะถูกขับเคลื่อนโดยการกู้ยืมและการลงทุน ซึ่งมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (Compounded Annual Growth Rate: CAGR) ประมาณ 40% และ 45% ตามลำดับ บริการธนาคารดิจิทัล (Digibank) ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในขณะที่กลุ่มผู้บริโภคที่มีฐานะมั่งคั่งร่ำรวยยังคงมีความภักดีต่อผู้ให้บริการด้านการเงินที่จัดตั้งขึ้นมาอย่างยาวนาน พิจารณาจากยอดเงินฝากในปัจจุบันและการลงทุนในหลายด้าน
ส่วนการลงทุนด้านเทคโนโลยี มีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
- มูลค่าการซื้อขายตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของปี 2564 จนถึงครึ่งแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้น 15% การระดมทุนในภาคเทคโนโลยียังคงแข็งแกร่ง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นแหล่งรวมการลงทุนด้านเทคโนโลยี ถึงแม้ว่านักลงทุนจะระมัดระวังมากขี้นในสภาวะเศรษฐกิจมหภาคในปัจจุบัน
- การลงทุนในบริการด้านการเงินดิจิทัล (DFS) มีสัดส่วนการลงทุนสูงที่สุดในประเทศไทย โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 150 ล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 การลงทุนในบริการด้านการเงินดิจิทัลแซงหน้าอีคอมเมิร์ซขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีสัดส่วนเกือบครึ่งของการลงทุนทั้งหมดในไทยเช่นเดียวกับทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- มูลค่าการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนระดับ Series C จำนวนมากในภาคธุรกิจบริการด้านการเงินดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ
รายงานยังได้มีการประเมินด้วยว่า ในปี 2568 มูลค่าสินค้ารวมเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยจะแตะ 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 15% และคาดว่าจะเติบโตขึ้น 2 เท่า มีมูลค่าประมาณ 1-1.65 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 2573