×

กาแฟสำเร็จรูปไทยยอดขายพุ่ง ชี้วิกฤตโควิด-19 ไม่กระทบการผลิต เป็นโอกาสทองทำยอดส่งออกเพิ่ม

โดย THE STANDARD TEAM
21.05.2020
  • LOADING...

วันนี้ (21 พฤษภาคม) อรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการหารือกับผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมกาแฟตลอดห่วงโซ่การผลิต ผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อติดตามสถานการณ์การค้ากาแฟและผลิตภัณฑ์กาแฟของไทยในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมี วารี สดประเสริฐ นายกสมาคมกาแฟไทย, สุขเกษม ขำทวี ที่ปรึกษาสมาคมกาแฟไทย และผู้ประกอบการสินค้ากาแฟและผลิตภัณฑ์กาแฟเข้าร่วม พบว่า ในช่วงวิกฤตนี้ทำให้ยอดจำหน่ายกาแฟสำเร็จรูปของไทยขยายตัว รวมทั้งยอดส่งออกยังเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากไทยมีศักยภาพด้านการผลิต เมื่อเทียบกับหลายประเทศที่มีการผลิตลดลง จึงถือเป็นโอกาสทองในการส่งออกกาแฟสำเร็จรูปของไทย 

.

อรมนกล่าวว่า การหารือครั้งนี้ผู้ประกอบการร้านกาแฟเห็นว่า มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมส่งผลให้ยอดขายลดลง จึงจำเป็นต้องปรับรูปแบบการให้บริการเป็นการขายแบบออนไลน์และแบบเดลิเวอรีมากขึ้น รวมทั้งปรับเปลี่ยนสินค้าให้อยู่ในรูปแบบกาแฟพร้อมดื่ม ซึ่งสามารถสั่งซื้อและเก็บไว้ได้นานขึ้น รวมถึงปรับผังที่นั่งในร้านให้มีระยะห่างที่เหมาะสม เพื่อรองรับการเปิดบริการหลังผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ ส่วนผู้ประกอบการโรงคั่วกาแฟและผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูปให้ข้อมูลว่า สินค้ากาแฟสำเร็จรูป (3 in 1) กาแฟคั่วบด กาแฟแคปซูล และอุปกรณ์ชงกาแฟ ที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและทางออนไลน์ มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มลูกค้าที่เคยซื้อในปริมาณมาก เช่น โรงแรม ภัตตาคาร และสายการบิน กลับมียอดขายลดลงเนื่องจากต้องปิดกิจการในช่วงนี้       

 

สำหรับผู้ส่งออกสินค้ากาแฟสำเร็จรูปแจ้งว่า ได้รับการติดต่อจากประเทศผู้นำเข้าที่สนใจซื้อผลิตภัณฑ์กาแฟจากไทย เนื่องจากหลายประเทศผลิตกาแฟสำเร็จรูปลดลง ในขณะที่ไทยสามารถผลิตได้แม้ในช่วงวิกฤต ทำให้ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟได้มากขึ้น ขณะเดียวกันรสนิยมของผู้บริโภคเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น รวมทั้งสนใจบริโภคกาแฟคั่วที่มีส่วนผสมของเมล็ดกาแฟจากไทยกับต่างประเทศ จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบส่งออก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการและผู้ส่งออกกาแฟคั่วผสม       

 

อรมนกล่าวต่อไปอีกว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทางกรมฯ ได้ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในพื้นที่ทั้งภาคเหนือและภาคใต้ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน แม่ฮ่องสอน และชุมพร รวมทั้งผู้ประกอบการกาแฟตลอดห่วงโซ่การผลิต เพื่อติดตามความพร้อมการแข่งขันกาแฟไทยในยุคการค้าเสรี และแนะนำให้เกษตรกรและผู้ส่งออกใช้ประโยชน์จาก FTA (Free Trade Area: เขตการค้าเสรี) ขยายตลาดส่งออก และหากไทยสามารถรักษาคุณภาพและมาตรฐานของกาแฟได้อย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก การเก็บ การคั่ว และการแปรรูป จะทำให้กาแฟไทยมีความน่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคได้ 

 

ทั้งนี้ ไทยเป็นผู้ส่งออกกาแฟสำเร็จรูปอันดับที่ 11 ของโลก ในปี 2562 ไทยส่งออกปริมาณ 24,812 ตัน คิดเป็นมูลค่า 92.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สปป.ลาว ร้อยละ 26 เมียนมา ร้อยละ 24 และกัมพูชา ร้อยละ 20 โดยไทยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการส่งออกกาแฟสำเร็จรูปภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียนที่ร้อยละ 0 รวมถึงนำเข้าเมล็ดกาแฟดิบจากแหล่งนำเข้าสำคัญ เช่น เวียดนาม สปป.ลาว และอินโดนีเซีย ที่อัตราภาษีร้อยละ 5 ซึ่งทำให้ลดต้นทุนการผลิตได้ สำหรับไตรมาสแรกของปี 2563 (มกราคม-มีนาคม) ไทยส่งออกกาแฟสำเร็จรูปปริมาณ 6,606 ตัน เป็นมูลค่า 25.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 14.69 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 โดยไทยยังส่งออกไปตลาดรอง เช่น ฮ่องกง และสหรัฐฯ ถึงร้อยละ 28 และ 88 ตามลำดับ

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

 


ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ได้ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising