วันนี้ (13 สิงหาคม) พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) และ มาระตี นะลิตา อันดาโม โฆษก ศบ.ทก. ด้านการต่างประเทศ ร่วมกันแถลงข่าวประจำวันเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ทั่วไปยังคงปกติ แต่ฝ่ายไทยตรวจพบว่า กัมพูชามีการเสริมที่มั่นในพื้นที่ชายแดน ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า กองบัญชาการกองทัพไทยมีแผนจะนำคณะผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอาเซียนลงพื้นที่เพื่อสังเกตการณ์สถานการณ์ชายแดนในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ ที่จังหวัดอุบลราชธานีและพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 เพื่อแสดงความโปร่งใส
ในประเด็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ศบ.ทก. ได้ประสานผ่านกระทรวงการต่างประเทศไปยัง ARMAC (ศูนย์อาเซียนเพื่อความร่วมมือด้านการปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม) ซึ่งมีผู้อำนวยการเป็นชาวกัมพูชา ให้แสดงความจริงใจในการร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน เนื่องจากยังพบว่ามีการลักลอบวางทุ่นระเบิดอยู่
ด้านการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) โฆษก ศบ.ทก. เผยว่า กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) จะเป็นหน่วยงานแรกที่เริ่มประชุมกับฝ่ายกัมพูชาในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ ส่วนกองทัพภาคที่ 1 และ 2 คาดว่าจะมีการประชุมในช่วงปลายเดือนสิงหาคม โดยหัวข้อการเก็บกู้ทุ่นระเบิดจะเป็นประเด็นสำคัญที่ไทยจะหยิบยกขึ้นมาเจรจา
มาระตีกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ประณามการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุด โดยชี้ว่าเป็น การละเมิดอธิปไตยของไทยและขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน โดยในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมามีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดได้รับบาดเจ็บถึง 2 ครั้ง
กระทรวงการต่างประเทศได้ส่งหนังสือถึงสหประชาชาติเพื่อเรียกร้องให้กัมพูชารับผิดชอบ และขอให้ประเทศต่างๆ ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการเก็บกู้ระเบิดแก่กัมพูชา ทบทวนการช่วยเหลือดังกล่าว
พร้อมทั้งเตรียมเชิญรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวาเข้ารับฟังข้อเท็จจริงในวันศุกร์นี้ (15 สิงหาคม) เพื่อพิสูจน์ว่าทุ่นระเบิดที่พบไม่ใช่มรดกทางประวัติศาสตร์ตามที่กัมพูชากล่าวอ้าง
นอกจากนี้ ศบ.ทก. ยืนยันว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญและยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนต่อแรงงานกัมพูชา โดยจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อสร้างความมั่นใจว่าแรงงานจะสามารถใช้ชีวิตในประเทศไทยได้อย่างปกติสุข