วันนี้ (28 พฤษภาคม) พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยความคืบหน้าเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่กำลังพลของกองกำลังสุรนารีลาดตระเวนและพบว่าทหารกัมพูชาได้ขุดคูเลตในพื้นที่ที่ยังเป็นข้ออ้างสิทธิ คล้ายกับกรณีเนิน 745 ช่องบก
พล.ท. บุญสิน ระบุว่า ก่อนเกิดการปะทะ ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่กลับถูกทหารกัมพูชายิงสวนออกมา จึงทำให้เกิดการปะทะขึ้น โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่าทหารไทยปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 และจะออกลาดตระเวนในพื้นที่ทับซ้อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา พร้อมเน้นย้ำว่าทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543 (บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543)
ด้าน ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า ไม่มีอะไรน่ากังวล โดยเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นการเข้าไปในพื้นที่อ้างสิทธิในเวลาที่มืดค่ำ ทำให้เกิดการปะทะกันโดยบังเอิญ ไม่ได้มีเจตนาจะรบกัน นายทหารคนสนิทของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาได้โทรศัพท์มาหา พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และยืนยันการสั่งการให้ทหารทั้งสองฝ่ายถอนกำลังออกไป แม้ว่าขณะนี้ยังคงมีการตรึงกำลังอยู่
เมื่อถูกถามถึงสาเหตุที่เกิดเหตุปะทะบ่อยครั้งตามแนวชายแดน ภูมิธรรมอธิบายว่าเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากการที่กัมพูชาตรึงกำลังและมีการปรับกำลังในพื้นที่ ขณะที่ไทยก็ทำหน้าที่ตรึงกำลังตามแนวชายแดนเช่นกัน ซึ่งเมื่อมีการตรึงกำลังก็อาจมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่สามารถพูดคุยกันได้ โดยเชื่อว่าในระดับปฏิบัติการ เมื่อมีการพูดคุยกัน สถานการณ์น่าจะดีขึ้น
ภูมิธรรมระบุว่า บนพื้นที่อ้างสิทธิที่ทั้งสองฝ่ายต่างคิดว่าเป็นของตนเอง แต่ใน MOU ไม่ได้แบ่งชัดเจน เมื่อมีการเข้าไปในพื้นที่อ้างสิทธิ จึงต้องมีการเจรจา แต่จะไม่มีการปฏิบัติการใดๆ พร้อมระบุว่า ปัญหาเขตแดนไม่ใช่เรื่องที่จะพูดคุยแล้วจบง่ายๆ แต่แนวโน้มของการพูดคุยส่วนใหญ่คือการพยายามรักษาเรื่องของสันติภาพไว้ และไม่อยากให้เกิดเหตุรุนแรงจนนำไปสู่ความสูญเสียและเสียหาย
ทั้งนี้ ภูมิธรรมขอรอรับฟังข้อเท็จจริงที่ชัดเจนจากการประชุมของแม่ทัพภาคที่ 2 ก่อนที่จะสรุปรายละเอียดของเหตุการณ์ เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนและสร้างความเข้าใจผิด