วันนี้ (3 มิถุนายน) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาว่า กระทรวงกลาโหม, กระทรวงการต่างประเทศ, กองทัพ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้หารือกันมาโดยตลอด โดยมาตรการปิดด่านจะถูกนำมาใช้เป็นลำดับสุดท้าย เพราะยึดมั่นในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 และเชื่อว่าการเจรจาเป็นหนทางที่ดีที่สุด ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 2 ในฐานะเจ้าของพื้นที่ได้ทำหน้าที่อย่างดีในการเตรียมกำลังและปกป้องอธิปไตยของประเทศ โดยยังคงอยู่ในกรอบที่เหมาะสม
ภูมิธรรมย้ำว่า ตนไม่อยากเห็นการนำเรื่องนี้มาเป็นเกมการเมืองเพื่อเอาชนะกัน พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ และ กัณวีร์ สืบแสง ออกมาพูดยั่วยุ ตนมองว่าสถานการณ์ปัจจุบันจำเป็นต้องรวมพลังกัน
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้ (4 มิถุนายน) ตนมีกำหนดการลงพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เพื่อให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน โดยขอให้เข้าใจว่าผู้ที่เชียร์ให้เกิดสงครามนั้นไม่ได้อยู่ในพื้นที่จริง แม้ทหารจะเข้มแข็งและพร้อมปฏิบัติหน้าที่ แต่การดำเนินการใดๆ ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและความจำเป็นสูงสุด เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนตามแนวชายแดนและกำลังพล ทั่วโลกต่างมุ่งเน้นการสร้างสันติสุขและการเจรจาเพื่อหาทางออก และความรุนแรงควรเป็นสิ่งสุดท้ายที่นำมาใช้
ภูมิธรรม กล่าวยืนยันว่าไม่ต้องห่วงเรื่องอธิปไตยของประเทศ รัฐบาลยึดมั่นในเขตแดนและอธิปไตยอย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญคือคนในประเทศต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่เอาประเทศมาเป็นเงื่อนไข ยืนยันว่าจะไม่มีการปลดพล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เพราะท่านทำงานได้ดีอยู่แล้ว พร้อมย้ำว่ารูปภาพที่อ้างว่าสมเด็จฯ ฮุน เซน ลูบศีรษะตนนั้นเป็นภาพที่สร้างขึ้นโดย AI เพื่อพยายามยั่วยุให้เกิดความรุนแรง
เมื่อถามถึงกรณีที่กัมพูชาไม่ได้ยึดถือกติกา ภูมิธรรมชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เพราะไทยมีกระบวนการพูดคุยที่พยายามทำอย่างนุ่มนวล โดยไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิดหรือเสียงวิพากษ์วิจารณ์เพิ่มเติม
นอกจากนี้ ภูมิธรรมได้เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee – JBC) ไทย-กัมพูชา จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยกล่าวว่าการดำเนินการต่างๆ ภายในประเทศของกัมพูชา ถือเป็นการบริหารจัดการภายในของเขา และไม่มีผลอะไร
ส่วนกรณีที่สมเด็จฯ ฮุน เซน แสดงท่าทีแข็งกร้าวผ่านโซเชียลมีเดียนั้น ภูมิธรรมกล่าวว่า “ไม่มีผลทางกฎหมายระหว่างประเทศ เขาจะพูดอะไรก็เป็นเรื่องของเขา”
ยืนยันว่ารัฐบาลยึดถือผลประโยชน์และอธิปไตยของประเทศเป็นหลัก พร้อมมุ่งสู่สันติวิธีและพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดสงครามให้มากที่สุด เพราะจะส่งผลกระทบต่อกำลังพลและประชาชนตามแนวชายแดน ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และ สมช. ทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อปกป้องประเทศและผลประโยชน์ โดยเลือกหนทางที่สูญเสียน้อยที่สุด