×

แม่ทัพภาคที่ 2 เผย ชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มคลี่คลาย นัดเจรจาไร้อาวุธสัปดาห์ละ 3 วัน ขอ ‘ฮุน เซน-ฮุน มาเนต’ รักษาสุขภาพ

โดย THE STANDARD TEAM
09.07.2025
  • LOADING...
ชายแดนไทย-กัมพูชา

วันนี้ (9 กรกฎาคม) พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่จังหวัดสุรินทร์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เพื่อนำสิ่งของพระราชทานมามอบให้ทหารที่มาปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน พร้อมฝากให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ด้วยความปลอดภัย ขอให้ผู้บังคับบัญชาดูแลความเป็นอยู่ของกำลังพลและดูแลสุขภาพตามที่ผู้บัญชาการทหารบกย้ำ เนื่องจากอยู่ในช่วงหน้าฝน

 

พล.ท. บุญสิน ยังระบุถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า จากสถานการณ์ช่องบก 28 พฤษภาคม 2568 จนถึงวันนี้สถานการณ์ดีขึ้นโดยมีการปรับกำลังที่ช่องบก รวมถึงมีมาตรการด้านเสริมการทำงานทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่สถานการณ์จะดีขึ้นอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้นำกัมพูชาได้ เพราะฝ่ายไทยไม่มีปัญหาใดๆ โดยเฉพาะในประเด็น 3 ปราสาทกับ 1 พื้นที่ ที่ทางกัมพูชาได้ยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ   

 

ส่วนประเด็นการสร้างรั้วแนวปราสาทตาเมือนธมว่า ต้องให้ระดับสูงพูดคุยกันก่อนจนเกิดความเข้าใจร่วมกันทั้งสองฝ่ายในเรื่องของเขตแดน มิเช่นนั้นอาจเกิดความขัดแย้งได้ เพราะทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาได้พูดคุยกันมาตลอด ซึ่งบางครั้งไม่เข้าใจกันเรื่องเส้นทางลาดตระเวน หรือทหารเปลี่ยนผลัดใหม่ก็ต้องเร่งทำความเข้าใจ จนทุกวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

ทั้งนี้ผู้บังคับหน่วยระดับกองพันกองร้อยของทั้งสองฝ่ายก็ประสานพูดคุยกันจนทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ขณะนี้รอสัญญาณความพร้อมในการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค (RBC) ไทย-กัมพูชา จากผู้นำทางฝ่ายกัมพูชา เพราะในส่วนของไทย ตนในฐานะประธาน RBC มีความพร้อมทุกวัน หากจะประชุมวันพรุ่งนี้ก็พร้อมเสมอ ซึ่งในการประชุมจะมีการปรับกำลังหรือถอนกำลัง หรือจะมีการเปิดด่านก็ให้เป็นไปตามขั้นตอน

 

“เรารอแค่ทางกัมพูชาเป็นหลัก หากแจ้งกลับมาพรุ่งนี้ก็พร้อม หรือวันนี้ก็พร้อม เพราะเป็นประธานเอง ไม่ยากอะไร”

 

พล.ท. บุญสิน กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาลาดตระเวนและมีการประชาสัมพันธ์เรื่องกระแสรักชาติว่า ถือเป็นเรื่องปกติ และทางไทยเองก็เชิญชวนให้ประชาชนมาเที่ยวชมปราสาทตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีหลายปราสาท ตั้งแต่ผามออีแดงจังหวัดศรีสะเกษ โดยยืนยันว่า 3 ปราสาท กับ 1 พื้นที่ที่เป็นประเด็น คนไทยสามารถมาได้ทั้งหมดเพราะเป็นเขตของไทยอยู่แล้ว และขอขอบคุณประชาชนที่ได้ร่วมกันมาท่องเที่ยวปราสาท ซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไว้นานแล้ว โดยเฉพาะปราสาทตาเมือนธม รวมถึงปราสาทที่อยู่ใกล้เคียง 

 

พล.ท. บุญสิน ยังย้ำถึงกรณีที่จะครบวาระเกษียณในเดือนตุลาคมนี้ว่า ไม่มีปัญหา เพราะเชื่อมั่นว่า ผู้บังคับบัญชาจะคัดเลือกผู้มีความรู้ ความสามารถ มาเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 คนต่อไป ขณะที่ นโยบายปราบปรามคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ ปัจจุบันปัญหานี้ลดไปมาก มีความเข้มงวดในมาตรการเข้า-ออกด่าน 

 

พล.ท. บุญสิน ระบุด้วยว่า ไม่กังวลประเด็นเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะทหารทำหน้าที่ดูแลความมั่นคงของประเทศอยู่แล้ว ส่วนการเมืองก็เป็นระบบต้องแก้ไขตามระบอบประชาธิปไตย และในส่วนของทหารพร้อมทำงานแม้ว่าจะเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี ขอให้เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีนโยบายชัดเจนและทำเพื่อประเทศชาติ ทหารก็พร้อมจะตอบสนองอยู่แล้ว พร้อมระบุว่า กรณีที่กองทัพไทยขอการสนับสนุนกระสุนจากคณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐฯประจำประเทศไทย (จัสแมกไทย) ไม่เป็นความจริง ยืนยันไทยมีกระสุนเพียงพอ พร้อมที่จะปกป้องประเทศชาติ

 

ส่วนจะมีประเด็นอะไรฝากถึง สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรี และ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา หรือไม่ พล.ท. บุญสิน ย้ำว่า อยากให้ดูแลสุขภาพ และยังต้องการให้รัฐบาลทั้งสองประเทศแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปด้วยดี เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของพี่น้องประชาชนทั้งไทยและกัมพูชา 

 

พล.ท. บุญสิน ยังเปิดเผยถึงกรณีนัดพบพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชา ว่า พื้นที่สามเหลี่ยมมรกตมีการนัดพบกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อเจรจาสัปดาห์ละ 3 วัน โดยปราศจากอาวุธ ประกอบด้วย วันจันทร์ พุธ ศุกร์ ซึ่งทุกวันนี้ยังมีการนัดพบกันอยู่ ปัจจุบันสถานการณ์มีความคลี่คลายไปในเชิงบวกในทุกจุดของชายแดน 

 

ส่วนจะมีการริเริ่มสร้างศาลาตรีมุขเวอร์ชันสองเลยใช่หรือไม่ พล.ท. บุญสิน กล่าวว่า คงต้องรอสถานการณ์ดีขึ้น ความสัมพันธ์ดีขึ้น ก็จะมีการพัฒนา แต่ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลทั้งสองประเทศ ซึ่งอาจมีการปรับปรุงเป็นแหล่งท่องเที่ยวก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาล 

 

พล.ท. บุญสิน กล่าวอีกว่า หากเกิดสถานการณ์ขึ้นจะจบภายใน 3 วัน หรืออาจจะเร็วกว่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยบอกเหตุหลายอย่าง และการเตรียมพร้อมจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราไม่อยากให้ใช้ความรุนแรงซึ่งกันและกัน มองว่าช่วงนี้เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ย้ำว่ามั่นใจทุกอย่างจะจบก่อนตนเกษียณ ภายใน 2 เดือน

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising