×

รมช. กลาโหม บอกกดดันรอบด้านปมชายแดน ชี้รัฐบาลต้องรอบคอบ ไม่ทำตัวศีลเสมอ ฮุน มาแนต เตรียมยื่นหลักฐานฟ้องเวทีโลก

โดย THE STANDARD TEAM
21.07.2025
  • LOADING...
ชายแดนไทย-กัมพูชา

วันนี้ (21 กรกฎาคม) พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ศบ.ทก. ถึงการดำเนินการมาตรการตอบโต้กัมพูชา ว่า ตนเข้าใจงานของสื่อที่ต้องรายงานข่าวให้เร็วที่สุดและมากที่สุด แต่การทำงานของภาครัฐต้องทำตามขั้นตอน หลายสำนัก หลายนักวิชาการ ด่าว่าล่าช้าไม่ทันใจ เท่ากับที่ สมเด็จ ฮุน เซน, ฮุน มาแนต โพสต์ลงในโซเชียล ถ้าไม่ใช่ก็ลบออก แต่เราจะทำตัวแบบนั้นไม่ได้ ถ้าทำอย่างนั้นเราก็จะศีลเสมอกัน ซึ่งส่วนตัวยึดว่าการพูดอะไรต้องใช่ ต้องถูกให้มากที่สุด อาจจะผิดพลาดได้แต่ต้องน้อย จึงขอความเห็นใจจากสื่อมวลชนด้วย

 

พล.อ. ณัฐพลกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมนั้น ได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังสุรนารี เข้าสำรวจเพิ่มเติม ก่อนย้ำต้องตอบคำถามให้ได้ว่า การที่เกิดระเบิดขึ้นมาแล้วบอกว่าเป็นระเบิดใหม่เพราะอะไร พบที่อื่นอีกหรือไม่ และระเบิดที่วางเป็นชนิดอะไร เรามีใช้หรือไม่ หรือมีใช้เฉพาะกัมพูชา 

 

การตรวจค้นทุ่นระเบิดต้องค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะต้องเน้นความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ เมื่อภารกิจ 3 วัน สามารถตรวจค้นเพิ่มอีก 2 จุด พบ 7-8 ทุ่น และทราบชนิดของทุ่นระเบิดเป็น PMN2 ซึ่งเป็นของรัสเซีย เราไม่เคยมีใช้เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าของที่วางนั้นเป็นของประเทศอื่น รวมถึงการกลบเกลื่อนร่องรอยเป็นของใหม่ ทุ่นระเบิดที่เก็บกู้ได้โลหะยังคงวาว 

 

พล.อ. ณัฐพลยังกล่าวถึงภารกิจขั้นต้นที่ผ่านมาว่า เมื่อหลักฐานเพียงพอ จึงให้กองทัพภาคที่ 2 แถลงข่าว และให้ฝ่ายเลขานุการ ศบ.ทก.ประชุมไปเมื่อวานนี้ เพื่อเตรียมข้อมูลประชุมในวันนี้ เพื่อเสนอแนวทางการดำเนินการเป็นอย่างไร หากนับเหตุการณ์จนถึงวันนี้และประสบการณ์ของตนที่รับราชการมาถือว่าเร็วแล้ว 

 

พล.อ. ณัฐพลยังกล่าวอีกว่า การประชุมออตตาวาจะมีขึ้นในช่วงพฤศจิกายน – ธันวาคม การส่งฟ้องตั้งแต่วันนี้ จะต้องรอการพิจารณาในเดือนธันวาคม จึงต้องสำนวนให้รอบคอบ เพราะหากศาลไม่รับฟ้อง หรือทำสำนวนไปแล้วกัมพูชาโต้กลับมาได้ เราก็จะเสียความน่าเชื่อถือ ทั้งนี้จะเป็นการยื่นในนามรัฐบาล

 

“ผมเข้าใจสื่อมวลชนบางสำนักอาจจะได้ข่าวที่เร็ว หรือได้ข่าวมาจากคนที่ไม่เกี่ยวข้องแต่อยากให้เข้าใจการทำงานของหน่วยงานภาครัฐว่าช้า ท่านก็ตำหนิกัมพูชาไป ผมไม่ว่า คนไทยทั้งประเทศต้องช่วยกัน อยากขอความเห็นใจ เพราะต้องทำงานตามขั้นตอน ถ้าทำงานพลาดท่านก็มาตำหนิผมอีก ในสังคมจะมีคนทั้งสองฝ่ายทั้งฝ่ายที่เข้าใจและเห็นใจ ที่บอกว่าทำดีอยู่แล้วต้องรอบคอบต้องไม่พลาด แต่ฝ่ายที่ตำหนิเสียงมักจะดังกว่า” พล.อ. ณัฐพลกล่าว

 

พล.อ. ณัฐพลยังย้ำด้วยว่า งานของ ศบ.ทก. หรืองานของกระทรวงกลาโหม ไม่ได้มีเฉพาะแค่เรื่องนี้ กับเรื่องทุ่นระเบิด แต่เรื่องของสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งขณะนี้สื่อกำลังให้ความสำคัญกับน้องที่ถูกกับระเบิดขาขาด แต่ตนก็ถูกถามกับสื่อที่ภาคใต้ว่า แล้วพลทหารที่ถูกซุ่มโจมตีจะดูแลอย่างไร ทางแม่สาย จังหวัดเชียงรายก็ยังถามว่า ผนังกั้นน้ำเสร็จหรือยัง ปัญหามาหลายทาง นี่คืองานในความรับผิดชอบในห้วงเวลาเดียวกัน ตอนนี้ส่วนตัววิ่งเหมือนหมาที่กัดเจ็บในหางตัวเอง คือพยายามจะทำให้ดีที่สุด 

 

ส่วนมาตรการตอบโต้กัมพูชา พล.อ. ณัฐพลกล่าวว่า ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้มอบอำนาจให้ ศบ.ทก. ตกลงใจในการทำการใดๆ ที่ไม่ใช่เรื่องผูกพันอธิปไตย หรือขัดต่อกฎหมาย เนื่องจากมีหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอยู่แล้ว เพียงแต่เรื่องที่สำคัญต้องรายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบด้วย 

 

ทั้งนี้หากผลการยื่นร้องต่อคณะกรรมการออตตาวาชนะ แต่บทลงโทษก็ยังไม่ชัดเจนขึ้นอยู่กับทางออตตาวา แต่ยืนยันว่าปัจจุบันทางกัมพูชาผิดอยู่ 2 เรื่อง คือ การวางทุ่นระเบิดใหม่ และยังมีของใหม่อยู่ในครอบครอง เนื่องจากสมาชิกของอนุสัญญาจะต้องทำลายทุ่นระเบิด ถ้ายังทำลายไม่หมดและเอามาใช้ก็ผิดแล้ว 

 

ส่วนความเป็นไปได้ที่ฝั่งกัมพูชาจะวางระเบิดโดยยึดแผนที่ของตนเองนั้น เราไม่สนใจว่าเขายึดแผนที่ไหน กองทัพสนใจอย่างเดียวว่านี่คือแผ่นดินไทย หากเขาจะอธิบายว่าเป็นพื้นที่ของเขา ก็ให้มาอธิบายในคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC)  ซึ่งการที่ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกแถลงการณ์ว่ากัมพูชาจะใช้กระบวนการ JBC แต่ขณะเดียวกันก็ใช้มวลชนมากดดันที่ปราสาทตาเมือนธม  จังหวัดสุรินทร์ แสดงถึงความไม่จริงใจ 

 

พล.อ. ณัฐพลกล่าวด้วยว่า รัฐบาลกัมพูชาจะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะมาเป็นหลัก 1,000 คน หากไม่รู้ก็ต้องแก้ไขทำความเข้าใจกับประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนกัมพูชามาทำแบบเมื่อวานนี้ ไทยดูอยู่ทั้งหมด เราไม่อยากให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความเครียด เพราะขณะนี้ประชาชนตามแนวชายแดน 7 จังหวัดเดือดร้อนมาก

 

“เขากดดันผมว่า เมื่อไหร่จะจบเสียที ผมอยู่ตรงนี้ ผมต้องรักษาบรรยากาศจะต้องไม่อ่อนแอหรือเข้มแข็งเกินไปจนหาที่ลงไม่ได้ ผมจะโดนทั้ง 2 ทาง ขณะนี้พี่น้องอีก 70 จังหวัดก็จะมาด่าว่าทำไมดูไม่เข้มแข็งเด็ดขาด เหมือนหมานำราชสีห์ แต่ไม่เคยสนใจ พี่น้อง 7 จังหวัดชายแดนว่าเขาเดือดร้อนอย่างไร แต่ผมไม่อยากให้ไปทำข่าวว่าพี่น้อง 7 จังหวัดชายแดนเดือดร้อนอย่างไร เพราะไม่อยากให้กัมพูชาทราบว่าของเราก็แย่อยู่ วันนี้ผมบอกหมด พูดความจริงหมดแล้ว สื่อจะได้เข้าใจภาพรวมทั้งหมด ว่าปัจจุบันประเทศเราเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจว่าทีมงานของผมเหน็ดเหนื่อยขนาดไหน ตัวผมไม่ต้องสนใจหรอก เพราะเมื่อผมตัดสินใจมาอยู่ตรงนี้ก็ต้องรับภาระอย่างนี้ ผมทำใจมาก่อนแล้ว” พล.อ. ณัฐพลกล่าว

 

ส่วนการจัดระเบียบคนที่จะขึ้นไปเที่ยวปราสาทตาเมือนธม พล.อ. ณัฐพลกล่าวว่า มีการจัดระเบียบอยู่แล้ว ซึ่งส่วนตัวเห็นใจแม่ทัพภาคที่ 2 และได้พูดคุยกับรัฐบาลว่าทหารจะต้องเข้มแข็งเด็ดขาด แต่สถานการณ์ขณะนี้อาจเกิดการกระทบกระทั่งจนนำไปสู่การใช้อาวุธ ปัจจุบันแม่ทัพภาคที่ 2 ได้คุยกับผู้บังคับหน่วยฝั่งกัมพูชา ว่าทหารที่ขึ้นบนพื้นที่ปราสาทจะมีฝั่งละ 7 คนเท่านั้น จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบวันนั้นที่กรูขึ้นมาเป็นสิบเป็นร้อยนาย 

 

พล.อ. ณัฐพลกล่าวอีกว่า ถ้ามีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทหารที่รับผิดชอบจะต้องเป็นคนนำประชาชนฝั่งตัวเองที่มีท่าทียั่วยุ หรือทำให้เกิดเหตุออกจากพื้นที่ นี่คือข้อตกลงซึ่งเราพัฒนาการมาโดยลำดับ เมื่อวานก็มีการเตรียมการว่าถ้ากัมพูชาไม่ทำตามข้อตกลง เราจะทำอย่างไร แต่โชคดีที่ฝ่ายกัมพูชาควบคุมได้เรียบร้อย การปฏิบัติส่วนต่อไปจึงไม่เกิดขึ้น

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising