×

โฆษก ทบ. เผยกองทัพเล็งสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ลักลอบเข้า-ออกผิดกฎหมาย ปัดตอบยกเลิก-คงไว้ MOU43

โดย THE STANDARD TEAM
01.10.2025
  • LOADING...
รั้วชายแดนไทยกัมพูชา

วันนี้ (1 ตุลาคม) พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณียอดบริจาคสร้างรั้ว และบังเกอร์ชายแดนไทย-กัมพูชา ของ กองทุนหทัยทิพย์ ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ ที่สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์บริจาคเป็นทุนตั้งต้น 1 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดบริจาคสมทบทะลุ 100 ล้านบาท แล้วนั้น 

 

พล.ต. วินธัยกล่าวว่า เรื่องการสร้างรั้วชายแดน อาจจะต้องแบ่งเป็นพื้นที่ ซึ่งเท่าที่ได้ติดตามข้อมูล หากพื้นที่ไหนมีความชัดเจน และสามารถดำเนินการได้ก็จะทำก่อน ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่มีความชัดเจนก็ต้องรอให้เป็นไปตามกระบวนการ โดยเฉพาะกระบวนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) แต่ที่สำคัญการสร้างรั้ว อาจจะมองไปที่พื้นที่ที่มีการเข้าออกผิดกฎหมาย และเกิดผลกระทบต่อความมั่นคง ก็อาจจะดำเนินการก่อน อย่างน้อยให้เห็นว่าไทยมีมาตรการที่ต้องต่อต้านสิ่งผิดกฎหมาย 

 

ส่วนพื้นที่ที่มีความชัดเจน จะสร้างรั้วแบบใด แบบถาวร หรือสร้างแบบรั้วอิเล็กทรอนิกส์นั้น ยังไม่ทราบ และยังไม่เห็นรายละเอียด 

 

พล.ต. วินธัยยังกล่าวถึงกรณีมีเสียงปืนยิงเข้ามาฝั่งไทยในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ว่า จากการตรวจสอบ ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการใช้อาวุธ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าในห้วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กัมพูชาพยายามเน้นการสื่อสารไปยังสังคมโลก เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ต่อฝ่ายไทย เชื่อว่าทุกฝ่ายคงรู้เท่าทัน จึงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้เข้าเงื่อนไขที่กัมพูชาจะนำไปใช้ในเวทีสังคมโลก จะเห็นได้ว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพและกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงถึงยุทธวิธีของกัมพูชา 

 

เช่น การชุมนุมของคนกัมพูชา ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งจะนำภาพเหตุการณ์ดังกล่าวไปขยายผลต่อ จะเห็นว่าเราใช้กำลังของฝ่ายปกครอง ซึ่งไม่ใช่ทหารไปดูแลความเรียบร้อย กัมพูชาจึงไม่สามารถนำไปขยายผลได้ 

 

นอกจากนี้ คนกัมพูชามีท่าทีที่ก้าวร้าว และมีการใช้ความรุนแรงอย่างชัดเจนต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ซึ่งมองว่าฝ่ายไทยยังรับมือได้ในการนำข้อเท็จจริงไปชี้แจงต่อประชาคมโลกได้ ดังนั้น เป้าหมายของกัมพูชาที่จะทำให้สังคมโลกมองไทยไปในทิศทางที่ไม่ดียังไม่ได้ผล 

 

พล.ต. วินธัยระบุด้วยว่า พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้กำชับแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 2 ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงเตรียมความพร้อมอย่างสูงสุดในการดูแลกำลังพล เนื่องจากในการปฏิบัติหน้าที่ต้องใช้ความอดทนอดกลั้น ขณะเดียวกันในการประชุมอาเซียนที่ประเทศมาเลเซีย จะต้องติดตามวันต่อวันว่ากัมพูชาจะใช้วิธีการยั่วยุสร้างสถานการณ์เหมือนในห้วงที่ผ่านมาหรือไม่ 

 

เมื่อถามว่า MOU 43 ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ พล.ต. วินธัยกล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการ และการให้ความเห็นทั้งสองลักษณะ ซึ่ง MOU 43 เรายึดถือและปฏิบัติมาตลอด แต่มีการละเมิดประมาณ 500 ครั้ง และไปจบที่การประท้วง ไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขหรือปรับปรุงอย่างแท้จริง ในส่วนของกระบวนการที่จะยกเลิกหรือไม่ ต้องเป็นระดับฝ่ายบริหาร เพราะกองทัพสามารถทำงานได้หมดอยู่แล้ว ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ตามกรอบกฎหมาย และข้อตกลงที่มีอยู่ 

 

“ผมมองว่าเป็นเรื่องของความตั้งใจและความจริงใจมากกว่า ซึ่งฝ่ายบริหารมีกลไกที่จะบริหารเรื่องนี้อยู่ เพียงแต่ฝ่ายทหารพูดได้ว่าที่ผ่านมาเราไม่ได้ละเลย”

 

ส่วนหากฝ่ายนโยบายสอบถามยังฝ่ายความมั่นคงอยากจะให้ MOU 43 คงอยู่หรือไม่ พล.ต. วินธัยกล่าวว่า ต้องพิจารณากันหลายส่วน ในส่วนของฝ่ายปฏิบัติก็มีข้อมูลอยู่แล้ว หากละเมิดเราทำหนังสือประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศและผู้บังคับหน่วยในระดับพื้นที่ก็พูดคุยกัน แต่ไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขอย่างจริงจัง จนปล่อยไว้เนิ่นนาน ปัญหาก็สะสมมา 20 ปี อย่างที่เห็น

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising