วันนี้ (2 มิถุนายน) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ภายหลัง ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เตรียมให้ที่ประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee: JBC) ไทย-กัมพูชา ที่จะมีขึ้นกลางเดือนมิถุนายน เสนอนำขึ้นศาลโลก
โฆษก ทบ. ระบุว่า ยังเป็นคนละเรื่องกับปัญหาปัจจุบัน ปัจจุบันคือการทำอย่างไรที่จะอยู่ร่วมกันในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนที่ยังไม่ชี้ชัดว่าควรเป็นพื้นที่ของใคร
ในขั้นตอนแรกทั้งสองฝ่ายจึงถอยห่างจากจุดปะทะ และให้คณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC มาดู เป็นเรื่องปักปันเขตแดนหรือกฎหมาย ข้อตกลงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
เพราะข้อตกลงที่ พล.อ. พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ไปพูดคุยกับ ผบ.ทบ.กัมพูชา มีความเห็นตรงกัน 3 ประเด็นคือ การถอยกำลังออกจากพื้นที่ จุดปะทะ และใช้กลไก JBC มาร่วมแก้ปัญหาเรื่องเขตแดน เรื่องสนธิสัญญา และข้อปฏิบัติตาม MOU จะระมัดระวังดูแลกำลังพลพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก
พล.ต. วินธัย กล่าวต่อไปว่า กติกาที่ทำมาก่อนหน้านี้ เส้นที่มีอยู่แล้วของ 2 ประเทศไม่ได้ทับกัน เช่น พื้นที่ที่มีการขุดคูเลตเป็นพื้นที่อยู่ระหว่างจัดทำเขตแดน ซึ่งตามกติกาที่ใช้ร่วมกันมาอยู่ได้ตลอด ไม่ให้มีการดัดแปลงสภาพภูมิประเทศ ต้องไม่มีการวางกำลังทหาร วางปืนหันหน้ามาฝ่ายไทย เราจึงต้องมาร่วมกันรักษากติกาข้อตกลงที่ให้ไว้ต่อกันให้ได้ ก่อนที่จะไปใช้กลไกอื่นๆ
ส่วนกรณีพูดถึงภาพที่ ฮุน เซน โพสต์ภาพถ่ายพื้นที่ต่างๆ เป็นข้อพิพาทโดยอ้างเป็นของกัมพูชานั้น เป็นพื้นที่ใกล้ศาลาตรีมุข ไม่ใช่พื้นที่เกิดเหตุปะทะ ซึ่งสภาพพื้นที่เป็นป่า ไม่เคยพบมี ชาวบ้าน หรือทหารกัมพูชามาอยู่ จากหลักฐานภาพถ่ายชัดเจน เหมือนเพิ่งมาขุดคูเลตกันไม่นาน ไม่ใช่มาขุดอยู่กัน 30-40 ปีที่แล้วแน่นอน