×

เงินบาทไทยแข็งค่ามากสุดในรอบกว่า 4 ปี! และแข็งค่าสุดอันดับต้นเอเชีย

08.09.2025
  • LOADING...

‘เงินบาท’ แตะ 31.99 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี! แข็งค่าเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย เป็นรองเพียงดอลลาร์ใต้หวันเท่านั้น นักวิเคราะห์มองผลจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนปัจจัยในประเทศ-การเมือง มีผลจำกัด ด้านภาคเอกชนห่วง ‘บาทแข็ง’ ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจที่ชะลอตัว กระทบส่งออก-ท่องเที่ยว

 

ช่วงเช้าวันนี้ (8 กันยายน) เงินบาทแข็งค่าแตะ 31.99 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นการแข็งค่ามากสุดในรอบกว่า 4 ปี หรือตั้งแต่กรกฎาคม 2021 หลังจากเคลื่อนไหวแถว 32 บาทต่อดอลลาร์มาสักระยะ

 

รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนายการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า การแข็งค่าของเงินบาทเป็นผลมาจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในสิงหาคม (ที่ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา) อ่อนแอเกินคาด ทำให้ตลาดมั่นใจมากขึ้นว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ​ (FOMC) ในวันที่ 16-17 กันยายนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) น่าจะลดดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25%

 

โดยการคาดการณ์ต่ออัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ นี้ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า  ราคาทองคำพุ่งสูงต่อเนื่อง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Bond Yeild) ปรับตัวลดลง ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ล้วนแต่ส่งเสริมการแข็งค่าของเงินบาท

 

สำหรับปัจจัยในประเทศ รุ่งมองว่า อาจมีผลต่อเงินบาทบ้าง แต่น้ำหนักสำคัญมาจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก “ค่าเงินจะตอบรับกับปัจจัยทางการเมืองค่อนข้างจำกัด ถ้าเทียบกับหุ้น”

 

ในระยะข้างหน้า รุ่งมองว่า มีโอกาสที่จะเห็นเงินบาทแข็งค่าไปแตะ 31.80 บาทต่อดอลลาร์ได้ในสัปดาห์นี้ และก็มีโอกาสที่จะพลิกกลับขึ้นไปอ่อนค่าเช่นเดียวกัน โดยต้องจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เดือนสิงหาคม ที่จะเปิดเผยในวันพฤสบดีนี้

 

โดยตั้งแต่ต้นปี (YTD) เงินบาทแข็งค่าแล้ว 6.78% แข็งค่าเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย เป็นรองเพียงดอลลาร์ใต้หวันที่แข็งค่า 6.99% เท่านั้น

 

ส่องสกุลเงินหลักเอเชีย ‘ไต้หวัน-ไทย’ ครองแชมป์ ค่าเงินแข็งสุด ตั้งแต่ต้นปี (YTD)

 

🇹🇼 ดอลลาร์ไต้หวัน (USD-TWD) –6.99%

🇹🇭 บาทไทย (USD-JPY) –6.78%

🇰🇷 วอนเกาหลีใต้ (USD-KRW) –5.99%

🇸🇬 ดอลลาร์สิงคโปร์ (USD-SGD) –5.85%

🇯🇵 เยนญี่ปุ่น (USD-THB) -5.74%

🇲🇾 ริงกิตมาเลเซีย (USD-MYR) –5.59%

🇨🇳 หยวนจีน (USD-CNY) –2.25%

🇵🇭 เปโซฟิลิปปินส์ (USD-PHP) –2.04%

🇭🇰 ดอลลาร์ฮ่องกง (USD-HKD) +0.33%

🇮🇩 รูเปียห์อินโดนีเซีย (USD-IDR) +1.40%

🇮🇳 รูปีอินเดีย (USD-INR) +3.10%

🇻🇳 ดองเวียดนาม (USD-VND) +3.59%

 

ภาคเอกชนห่วง ‘บาทแข็ง’ กระทบส่งออก-ท่องเที่ยว

 

ย้อนกลับไป เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ภาคเอกชนอย่างคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เพิ่งแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่กลับมีความสัมพันธ์กับราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

“ปัจจุบันยังขาดข้อมูลเชิงลึกเพื่อทำความเข้าใจถึงผลกระทบของธุรกรรมทองคำและคริปโตฯ รวมถึงการโอนเงินกลับประเทศของแรงงานต่างด้าวที่ไม่ผ่านช่องทางในระบบ ทำให้การเกินดุลการชำระเงินกว่าครึ่งไม่สามารถจำแนกได้ชัดเจน (Errors & Omissions) ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับการแยกแยะและวิเคราะห์ผลกระทบของธุรกรรมทองคำต่อภาคเศรษฐกิจ (Real Sector) รวมถึงปรับปรุงและแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อทำให้เกิดความสมดุลมากขึ้น เช่น พิจารณากลไกลงทุนต่างประเทศผ่านกองทุน Sovereign Wealth Fund” แถลง กกร. ระบุ

 

ทั้งนี้ ตามหลักการ การแข็งค่าของเงินบาทจะทำให้ผู้ส่งออกเสียประโยชน์จากราคาสินค้าที่แพงกว่าคู่แข่ง ทำให้มีรายได้ในรูปของเงินบาทลดลง คนทำงานต่างประเทศนำรายได้ที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศมาแลกเป็นเงินบาทได้น้อยลง และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่รับเงินสกุลต่างประเทศนำรายได้มาแลกเป็นเงินบาทได้น้อยลง

 

แต่ในทางกลับกัน เงินบาทที่แข็งจะทำให้ผู้นำเข้าได้ประโยชน์จากราคาสินค้าต่างประเทศที่ถูกลง ช่วยลดต้นทุนการนำเข้าสินค้า ประชาชนซื้อสินค้าและบริการจากต่างประเทศได้ถูกลง ผู้ลงทุนนำเข้าสินค้าทุนได้ถูกลง และผู้เป็นหนี้กับต่างประเทศมีภาระหนี้ลดลง เพราะใช้เงินบาทน้อยลงในการชำระหนี้สกุลเงินต่างประเทศ

 


 

เงินบาทไทยแข็งค่ามากสุดในรอบกว่า 4 ปี! และแข็งค่าสุดอันดับต้นเอเชีย

 

ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising