ค่าเงินบาทเปิดอ่อนค่าที่ระดับ 35.20 บาทต่อดอลลาร์ หลังข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดมาก ทำให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.20 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.05 บาทต่อดอลลาร์ โดยในช่วงคืนก่อนหน้าค่าเงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทดสอบโซนแนวต้าน 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 35.00-35.25 บาทต่อดอลลาร์) ตามการปรับตัวแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการย่อตัวลงของราคาทองคำสู่ระดับ 1,910 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดไปมาก ทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งเชื่อมั่นว่า Fed จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องได้
ข้อมูลการจ้างงานที่ยังอยู่ในระดับสูงได้หนุนให้เงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็ทยอยขายทำกำไรเงินดอลลาร์ออกมาบ้าง ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นเกินกว่าระดับ 103.5 จุดไปได้ไกล (กรอบการเคลื่อนไหว 102.95-103.5 จุด ในช่วงคืนที่ผ่านมา) ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าตลาดการเงินจะอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง แต่การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ ท่ามกลางมุมมอง Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนสิงหาคม) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องใกล้ระดับ 1,910 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเรามองว่าผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลวธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้
สำหรับวันนี้ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยนักวิเคราะห์ต่างมองว่า ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อาจเพิ่มขึ้นราว 2 แสนตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้นเกือบ 3.4 แสนตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า ซึ่งการชะลอลงของการจ้างงานจะส่งผลให้อัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) อยู่ที่ระดับ +0.3%m/m หรือ +4.2%y/y ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า
ทั้งนี้ หากยอดการจ้างงานออกมาสูงกว่าคาดมาก เช่น +3 แสนตำแหน่งขึ้นไป หรืออัตราการเติบโตของค่าจ้างมากกว่า +4.3%y/y ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดมองว่า Fed มีโอกาสมากขึ้นที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในการประชุมเดือนกันยายน โดยล่าสุดจาก CME FedWatch Tool ตลาดให้โอกาส 92% Fed ขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม และให้โอกาส 56% ในการขึ้นดอกเบี้ยต่อในเดือนพฤศจิกายน (ตลาดมองว่า Fed อาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกันยายน โดยให้โอกาสการขึ้นดอกเบี้ยต่อเพียง 28%) ซึ่งธนาคารกรุงไทยประเมินว่า ในกรณีดังกล่าวที่ข้อมูลการจ้างงานออกมาดีกว่าคาดมากนั้น เงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้พอสมควร หากตลาดให้โอกาส Fed ขึ้นดอกเบี้ยต่อไม่น้อยกว่า 40%
ในเดือนกันยายน
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทในวันนี้ประเมินว่า เงินบาทยังมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลงได้ หลังตลาดเริ่มปรับมุมมอง (Reprice) แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed หลังรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งกว่าคาดมาก ทำให้ Fed มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 1 ครั้งได้จริง
อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดได้ทยอยรับรู้แนวโน้มข้อมูลการจ้างงานที่อาจออกมาดีกว่าคาดไปมากแล้ว หลังจากยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ในคืนก่อนหน้าออกมาดีกว่าคาดมาก (เพิ่มขึ้นเกือบ 5 แสนตำแหน่ง สูงกว่าที่ตลาดมองไว้เพียง +2.3 แสนตำแหน่ง) ทำให้ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarms Payrolls) และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง ต้องออกมาดีเกินคาดไปมากเช่นกัน ถึงจะสามารถช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์พอจะแข็งค่าขึ้นต่อได้
ทั้งนี้ แม้ว่าเงินดอลลาร์อาจไม่ได้แข็งค่าขึ้นต่อมาก หากรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในวันนี้ไม่ได้ออกมาดีกว่าคาดไปมาก แต่เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของราคาทองคำได้บ้าง หากบอนด์ยีลด์ในฝั่งสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อ
นอกจากนี้ ควรระวังความผันผวนของฟันด์โฟลวนักลงทุนต่างชาติ หลังนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาทยอยขายหุ้นไทยอีกครั้งจากความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองไทย แต่คาดว่าการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ฝั่งสหรัฐฯ อาจส่งผลให้บอนด์ยีลด์ไทยปรับตัวขึ้นตามได้บ้าง ซึ่งก็จะช่วยหนุนให้ผู้เล่นในตลาดอย่างนักลงทุนต่างชาติ ทยอยกลับเข้ามาซื้อบอนด์ไทยเพิ่มเติมได้ ซึ่งฟันด์โฟลวในส่วนตลาดบอนด์ก็อาจพอช่วยลดทอนผลกระทบจากแรงขายหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติได้บ้าง ทำให้เงินบาทอาจพอมีแนวต้านอยู่ในช่วง 35.30-35.40 บาทต่อดอลลาร์
ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง จากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและการปรับเปลี่ยนมุมมองไป-มาของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบาย Fed ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
โดยธนาคารมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.00-35.30 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ และมองกรอบเงินบาทอยู่ที่ระดับ 35.00-35.45 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ