กรุงไทยเตือน เงินบาทมีความเสี่ยงผันผวน ท่ามกลางความไม่แน่นอนตาม Trump 2.0, ผลประชุม BOJ, ราคาทองคำ รวมถึง Fund Flow นักลงทุนต่างชาติ ที่อาจยังมีทิศทางที่ไม่แน่นอน ขณะที่กรุงศรีมองว่าผู้ร่วมตลาดเปิดความเสี่ยงด้านขาลงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในระยะสั้น หากมีแนวโน้มว่าการบังคับใช้มาตรการทางการค้าของทรัมป์ในเบื้องต้นรุนแรงน้อยกว่าหรือล่าช้ากว่าที่นักลงทุนวิตก
วันนี้ (20 มกราคม) พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ที่ระดับ 34.15-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ พร้อมเตือนว่า ในสัปดาห์นี้ควรเตรียมรับมือความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รวมถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่างดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท Krungthai GLOBAL MARKETS มองว่าเงินบาทอาจแกว่งตัวใน Sideways ก่อนที่ตลาดจะทยอยรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม แต่ก็มีความเสี่ยงผันผวนในลักษณะ Two-Way Volatility ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 รวมถึงการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลัก ซึ่งต้องรอลุ้นผลการประชุมของ BOJ นอกจากนี้ ยังคงต้องติดตามทิศทางราคาทองคำ รวมถึง Fund Flow นักลงทุนต่างชาติที่อาจยังมีทิศทางที่ไม่แน่นอน และจะขึ้นอยู่กับรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้
“แนวโน้มเงินบาทนั้น หากประเมินจากกลยุทธ์ Trend Following เรามองว่าเงินบาทยังมีโอกาสทยอยอ่อนค่าลงหรืออย่างน้อยแกว่งตัว Sideways ตราบใดที่เงินบาทไม่ได้กลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจนทะลุโซนแนวรับ 34.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐอย่างชัดเจน” พูนกล่าว
ในส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น Krungthai GLOBAL MARKETS มองว่าเงินดอลลาร์สหรัฐเสี่ยงผันผวนในลักษณะ Two-Way Volatility ขึ้นอยู่กับแนวโน้มการดำเนินนโยบายของรัฐบาล Trump 2.0 และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอย่างดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก นอกจากนี้ ทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐจะขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลังตลาดรับรู้ผลการประชุมของ BOJ
โดย Krungthai GLOBAL MARKETS มองว่า BOJ อาจเลือกที่จะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ไปก่อน เพื่อรอประเมินทิศทางนโยบายรัฐบาล Trump 2.0 รวมถึงรอลุ้นผลการเจรจาค่าจ้างญี่ปุ่นในช่วงต้นปี ทว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่และผู้เล่นในตลาดต่างเชื่อว่า BOJ อาจขึ้นดอกเบี้ย 25 bps สู่ระดับ 0.5% และยังเชื่อว่า BOJ อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้อีก 1 ครั้งในปีนี้สู่ระดับ 0.75% นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญญี่ปุ่น เช่น ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการในเดือนมกราคม ยอดการส่งออกและนำเข้า รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนธันวาคม
กรุงศรีคาด บาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 34.25-34.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
เกาะติดนโยบายทรัมป์
ขณะที่กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.25-34.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
“สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะติดตามความชัดเจนด้านนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา หลังพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 มกราคม หลังจากดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ตลาดกำลังรอการยืนยันว่าทรัมป์จะดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าเชิงรุกในช่วงเริ่มต้นวาระที่ 2 หรือไม่ อย่างไร โดยมีรายงานว่าทรัมป์อาจออกคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) กว่า 100 ฉบับในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง”
อนึ่ง กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ มองว่าระดับการคาดการณ์ของผู้ร่วมตลาดดังกล่าวเปิดความเสี่ยงด้านขาลงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในระยะสั้น หากมีแนวโน้มว่าการบังคับใช้มาตรการทางการค้าในเบื้องต้นรุนแรงน้อยกว่าหรือล่าช้ากว่าที่นักลงทุนวิตกมาตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 ปี 2024
