ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (24 สิงหาคม) ที่ระดับ 34.94 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ 35.06 บาทต่อดอลลาร์ หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง พร้อมกับการรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ จากรายงานดัชนี PMI ของสหรัฐอเมริกาที่ออกมาแย่กว่าคาด ซึ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะขึ้นดอกเบี้ยต่อ และลดโอกาสที่ Fed จะคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงไว้นานขึ้น
พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินดอลลาร์ได้พลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง หลังตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนี PMI ของสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลงสู่ระดับ 103.3 จุด (กรอบ 103.3-104 จุด) โดยการอ่อนค่าดังกล่าวได้หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธันวาคม) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับ 1,945 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้เริ่มมีโฟลว์ขายทำกำไรจากการรีบาวด์ของทองคำกลับมา ซึ่งธุรกรรมดังกล่าวมีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทด้วย
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 34.75-35.05 บาทต่อดอลลาร์ โดยโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทกลับมาชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ดี แม้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลผสมของไทยจะเสร็จสิ้นลง แต่ยังไม่เห็นการกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยที่ชัดเจนของนักลงทุนต่างชาติ โดยมีเพียงแรงซื้อบอนด์ระยะสั้น (ซึ่งอาจเกี่ยวกับสถานะ Long THB) ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ยังคงต้องติดตามว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องได้หรือไม่
นอกจากนี้ผู้เล่นในตลาดอาจรอประเมินทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของประธาน Fed ในงานสัมมนาวิชาการที่ Jackson Hole ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองที่ชัดเจนขึ้นได้ ซึ่งมุมมองดังกล่าวอาจทำให้เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นได้บ้าง แต่มีแนวโน้มที่จะติดโซนแนวรับแถว 34.75-34.80 บาทต่อดอลลาร์ (ยกเว้นว่าจะเห็นฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยชัดเจน) ส่วนแนวต้านของเงินบาทก็ยังคงเป็นโซน 35.00-35.15 บาทต่อดอลลาร์
