เหลือเวลาอีกไม่นาน มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 กำลังจะเปิดฉากขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีประเทศไทยรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2025
ความคึกคักเริ่มก่อตัวขึ้นทั่ววงการกีฬา หลายสมาคมต่างออกมาแสดงความมั่นใจเต็มร้อย ทั้งในชนิดกีฬายอดฮิตของคนไทยอย่าง ฟุตบอล, วอลเลย์บอล, แบดมินตัน, กรีฑา และตะกร้อ ที่ตั้งเป้าคว้าเหรียญทองต่อหน้าแฟนกีฬาชาวไทยให้ได้มากที่สุด
แต่บนเส้นทางแห่งความสำเร็จ ย่อมมีคู่แข่งสำคัญรออยู่ในทุกสนาม
วันนี้เรามาดูกันว่า ในแต่ละชนิดกีฬา ‘ชาติใดบ้าง’ ที่กำลังก้าวมาเป็นคู่ปรับตัวฉกาจของทัพนักกีฬาไทย ในศึกซีเกมส์ 2025 ที่กำลังจะมาถึงนี้
ศึกชิงเจ้า ‘ลูกหนัง’ แห่งอาเซียน
เริ่มกันที่ ฟุตบอล ที่ถือเป็นศึกชิงเจ้าลูกหนังอาเซียน ที่ครั้งนี้บทพิสูจน์ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การชิงเหรียญทอง แต่คือการวัดศักยภาพเยาวชนทั้งภูมิภาค ว่าใครพร้อมกว่า และวางรากฐานระบบทีมได้แม่นยำกว่า และ 3 ทีมที่มีโอกาสชิงเหรียญทองในครั้งนี้ ก็หนีไม่พ้น
ทีมแรก เวียดนาม ที่คาดว่าจะนำทีมโดย เหงียน ดิ่ญ บั๊ก เจ้าของรางวัล MVP จากศึก AFF U23 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลังพาทีมคว้าแชมป์ ด้วยการเอาชนะอินโดนีเซีย ในรอบชิงชนะเลิศไป 1-0 พวกเขามีการพัฒนาระบบทีมอย่างมีประสิทธิภาพมากทีมหนึ่งเลยทีเดียว
ต่อมาคือ อินโดนีเซีย ทีมที่กูรูฟุตบอลไทย หลายคนมองว่า หากเล่นกับไทย ก็เหมือน ‘งู กับ เชือกกล้วย’ คือมักแพ้ทางกันง่ายๆ ดีกรีของพวกเขาก็ไม่ธรรมดา ทีมชุดนี้เต็มไปด้วยนักเตะรุ่นใหม่ ที่น่าจับตามองทั้ง รามาดัน ซานันตา และ ฟาจาร์ ฟาเธอร์ ราห์แมน สไตล์การเล่นของอินโดนีเซียคือเกมรุกดุดันและเพรสซิ่งเร็ว
ส่วนทัพช้างศึก ล่าสุดประกาศรายชื่อออกมาแล้ว มีนักเตะหลายๆ คนที่น่าสนใจมากๆ อย่าง ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ที่ขึ้นไปยิงแฮตทริกกับชุดใหญ่มาแล้ว แต่ยังไม่ชัวร์ว่าจะมาเล่นให้ทีมชุดนี้หรือไม่ ไปจนถึง ชัยพล อดทน, ยศกร บูรพา, อิคลาส สันหรน, ชมพัฒน์ บุญเลิศ และอีกหลายคน
จุดเด่นของนักเตะชุดนี้คือ ฉลาด เทคนิคดี ต่อบอลแม่น แต่ยังมีบางช่วงที่เกมเพรสซิ่ง และจังหวะสุดท้ายไม่คมพอ ก็เป็นการบ้านที่เชื่อว่าเฮดโค้ชอย่าง โค้ชวัง-ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล รับทราบและเตรียมแก้ปัญหาแล้ว
เอาเป็นว่า ส่งแรงใจเชียร์นักเตะไทยทุกคน เพราะ “ทุกจังหวะยิงจะไม่ใช่แค่คะแนน แต่คือความภาคภูมิใจของคนทั้งชาติ”
ศึก ‘ลูกขนไก่’ ระดับโลกบนเวทีอาเซียน
นี่คืออีกหนึ่งชนิดกีฬาของ ‘ซีเกมส์’ ที่จะกลายเป็นสมรภูมิที่รวมนักตบระดับท็อปโลก จากไทย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และสิงคโปร์ ดังนั้นการช่วงชิงเหรียญทองจากเวทีนี้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่หลายคนเข้าใจ
เริ่มกันที่ประเภทชายเดี่ยว แน่นอนว่า ความหวังสูงสุดของไทย หนีไม่พ้น วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันมือ 3 โลกของไทย โดยคู่ปรับที่น่าสนใจในซีเกมส์ ครั้งนี้คือ โจนาธาน คริสตี้ มือ 6 โลก จากอินโดนีเซีย และอีกคนที่น่าจับตามองก็คือ โลห์ คีน ยู มือ 9 โลก จากสิงคโปร์ ในขณะที่มาลเซีย มี เลอง จุน เฮา มือ 20 โลก คู่ปรับคนสำคัญของกุลวุฒิ ตั้งแต่ครั้งยังแข่งขันระดับเยาวชน เคยแพ้ให้เจ้าวิว ในรอบชิงฯ World Junior championship 2017
ส่วนประเภทหญิงเดี่ยว ไทยส่ง หมิว-พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มือ 6 ของโลก, เมย์-รัชนก อินทนนท์ มือ 9 โลก รวมถึง ครีม-บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ ที่เริ่มกลับมาอยู่ในฟอร์มเก่ง ลงล่าเหรียญทองอีกครั้ง
และคู่แข่งในสนามนี้ของสาวไทยก็ไม่ธรรมดา เพราะ 2 คนแรกคือนักกีฬาจากอินโดนีเซีย ปูตรี กูซูมา วาร์ดานี นักแบดมินตันดาวรุ่ง วัย 23 ปี ปัจจุบัน เป็นมือ 7 โลก และ เกรโกรียา มาริซกา ตุนจุง มือ 8 โลก นอกจากนี้ยังมี Yew Jia Min มือ 16 โลก จากสิงคโปร์ด้วย
อีกประเภทที่น่าจับตามองไม่แพ้กันก็คือ ประเภทคู่ผสม ที่รอบนี้ มาเลเซีย เตรียมส่งคู่แชมป์โลก 2025 อย่าง เฉิน ถัง เจี๋ย และ โตห์ อี้ เว่ย คู่แข่งสำคัญของ บาส-เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ เฟม-ศุภิสรา เพียวสามพราน มาร่วมชิงชัยในรายการนี้ด้วย ถือเป็นศึกหนักที่แฟนลูกขนไก่ไทย ต้องไม่พลาดในการติดตามเกมเลยทีเดียว
ศึกสายฟ้าแห่งอาเซียน
เมื่อทุกลมหายใจคือเสี้ยววินาทีแห่งเกียรติยศบนลู่วิ่งอาเซียน ดังนั้น ศึกเจ้าลมกรด วิ่ง 100 เมตรชาย จึงถือเป็นไฮไลท์สำคัญที่ทุกคนรอคอย
แน่นอนว่า หากวัดจากสถิติ ที่เก็บโดยสหพันธ์กรีฑานานาชาติ จากผลงานทุกเวทีแข่งขัน บิว-ภูริพล บุญสอน นักกีฬาไทย ทำสถิติดีที่สุดที่ 10.15 วินาที ส่วนอีก 4 ลำดับ ต่อจากนี้ ประกอบด้วย 2 นักวิ่งจากมาเลเซีย Muhd Azeen Fahmi สถิติ 10.20 วินาที และ Danish Iftikhar Roslee 10.26 วินาที นอกจากนี้ยังมี Marc Brian Louis จากสิงคโปร์ สถิติ 10.31 วินาที และ Lalu Muhammad Zohri จากอินโดนีเซีย 10 34 วินาที
ส่วนสถิติ วิ่งผลัด 4×100 เมตรชาย นับเฉพาะในชาติอาเซียนกันบ้าง โดยไม่สนว่ามีนักกีฬาคนใดในทีม ทีมชาติไทย ยังทำสถิติดีที่สุดที่ 38.78 วินาที ตามด้วย สิงคโปร์ 39.68 วินาที, มาเลเซีย 39.83 วินาที และอินโดนีเซีย 40.12 วินาที
ศึก ‘ลูกยางอาเซียน’ บททดสอบสำคัญทีมไทย!
การแข่งขันวอลเลย์บอล ในซีเกมส์ ยังคงเป็นที่น่าจับตามองอีกเช่นกัน แม้ว่า ผลงานโดยรวมของทีมวอลเลย์บอลหญิงของไทย จะถือได้ว่ายอดเยี่ยม จากการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก เมื่อเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ทว่า สถิติในอาเซียน ยังไม่น่าประทับใจนัก เพราะพลาดท่าพ่ายให้กับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เวียดนาม ในรอบชิงชนะเลิศ ไปแบบเฉียดฉิว ในศึก ซี วีลีก 2025 (สนาม 2)
จุดเด่นทีมวอลเลย์บอลสาวไทยคือโครงสร้างทีมที่แข็งแรง เกมรุกเร็ว แม้ว่าจะมีการสลับเอาผู้เล่นดาวรุ่งมาเสริม แต่ด้วยประสบการณ์ระดับโลกของนักกีฬาหลายคนในทีม ก็ยังทำให้รูปเกมดูได้เปรียบกว่า
ในขณะที่เวียดนามเอง ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีระบบการเล่นดูโดดเด่นมากขึ้น จุดเด่นของเวียดนามคือมีเกมรับที่เหนียว และมีนักตบตัวรุกที่มีประสิทธิภาพอย่าง ‘เจิ่น ถิ ทัญ ถวี’
นั่นทำให้ศึกชิงเจ้าลูกยางอาเซียนครั้งนี้ น่าจะสนุกกว่าที่เคย
ข้ามมาดูฝั่งทีมวอลเลย์บอลชายของไทย (อันดับ 59 ของโลก) ที่ผลงานกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น หลังได้ ปาร์ค กี วอน กุนซือชาวเกาหลีใต้ เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งในด้านแท็กติกและระบบทีม เชื่อว่าซีเกมส์ครั้งนี้ ทีมชายไทยยังคงมีลุ้นคว้าเหรียญทองอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม คู่แข่งสำคัญอย่าง อินโดนีเซีย (อันดับ 51 ของโลก) ยังคงเป็นทีมที่น่ากลัวและไม่อาจประมาทได้ พวกเขาขึ้นชื่อเรื่องเกมรุกที่ดุดัน ตบหนัก เสิร์ฟแรง และมีพละกำลังมหาศาล
ขณะเดียวกัน เวียดนาม (อันดับ 60 ของโลก) ก็ถือเป็นอีกทีมที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ศึกซีเกมส์หนนี้ ไทยต้องเตรียมการบ้านอย่างละเอียด เพื่อรับมือทั้งสองคู่ปรับสำคัญให้ได้มากที่สุด
ศึกสายพันธุ์ ‘ลูกหวาย’
เซปักตะกร้อคือหนึ่งในชนิดกีฬาที่ไทยสร้างผลงานได้ยอดเยี่ยมมาโดยตลอด ทั้งในระดับอาเซียนอย่าง ซีเกมส์ และระดับเอเชียอย่าง เอเชียนเกมส์
สำหรับซีเกมส์ 2025 ทีมตะกร้อไทยเตรียมลงแข่งขันครบ 5 ประเภท ได้แก่
ทีมชุดชาย-หญิง, ทีมเดี่ยวหญิง, ทีม 4 คนชาย และทีม 4 คนผสม (ชาย-หญิง)
พร้อมตั้งเป้ากวาด 5 เหรียญทองเต็มทุกประเภท
คู่ปรับในประเภททีมชุดชาย แน่นอนว่า เบอร์ 1 คงหนีไม่พ้น มาเลเซีย คู่ปรับตลอดกาลของไทย ในขณะที่อินโดนีเซีย รองแชมป์ซีเกมส์ 2017 ก็น่าจับตามองไม่น้อย
ด้านทีมชุดหญิง คู่แข่งที่ต้องจับตามองคือ เมียนมา และ เวียดนาม ซึ่งทั้งสองชาติยังคงเป็นคู่ต่อสู้หลักในประเภท ทีมเดี่ยวหญิงเช่นกัน
ขณะที่ในประเภท ทีม 4 คนชาย เมียนมา ถือเป็นทีมที่น่าจับตาเป็นพิเศษ หลังเคยคว้าเหรียญเงินในซีเกมส์ 2017 เหนือกว่า มาเลเซีย และอินโดนีเซียในช่วงหลัง
ส่วนทีมผสม 4 คน ศึกนี้ยังคงเป็นสามเหลี่ยมแห่งศักดิ์ศรี ระหว่าง ไทย-มาเลเซีย-เมียนมา ที่ผลแพ้ชนะอาจตัดสินกันเพียงเสี้ยวจังหวะเดียว
ทั้งนี้ มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 กำลังจะเปิดฉากขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยประเทศไทยรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2025 มาร่วมส่งใจเชียร์ทัพนักกีฬาไทยลงชิงชัย พร้อมสร้างโมเมนต์แห่งความภูมิใจ และความทรงจำครั้งใหม่บนแผ่นดินไทย
