บมจ. การบินไทย หรือ THAI ได้จัดทริปนำคณะสื่อมวลชน ร่วมเดินทางไปทัศนศึกษาเส้นทางการบินกรุงเทพฯ-เซี่ยงไฮ้ ถือเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าและธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของจีน
ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. การบินไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดคือการเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ จากเดิมที่เน้นตลาด Point-to-Point หรือการบินตรงระหว่างจุดหมายปลายทาง การบินไทยหันมาใช้จุดแข็งด้านภูมิศาสตร์ของประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง (Hub) เพื่อเชื่อมต่อผู้โดยสารจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกด้วยกลยุทธ์ Network Airline ที่เริ่มใช้เน้น Connecting Flight หรือเที่ยวบินต่อเครื่องมากขึ้น
แม้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยโดยรวมจะลดลง โดยเฉพาะผู้โดยสารที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ แต่ชายย้ำว่า การบินไทยไม่ได้พึ่งพานักท่องเที่ยวจีนเพียงอย่างเดียว เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทที่เดินทางเข้า-ออกประเทศจีนจะเป็นผู้โดยสารกลุ่มอิสระ (Foreign Individual Tourism: FIT) และกลุ่มที่เดินทางเพื่อธุรกิจ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและเป็นคนละกลุ่มกับผู้โดยสารกลุ่มทัวร์ที่ลดลง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเที่ยวบินเข้า-ออกจากเซี่ยงไฮ้ มีผู้โดยสารเพียง 10% เท่านั้นที่เป็นคนไทยและคนจีน
ส่วนที่เหลือ 90% เป็นผู้โดยสารจากชาติอื่นที่เดินทางมาต่อเครื่องที่กรุงเทพฯ เพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ เช่น ยุโรป หรือออสเตรเลีย ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทที่ต้องการดึงผู้โดยสารกลุ่มกำลังซื้อสูงจากจีนไปท่องเที่ยวในยุโรปและออสเตรเลียผ่านเครือข่ายบินของการบินไทย
กลยุทธ์นี้ยังช่วยกระจายความเสี่ยงด้านแหล่งที่มาของรายได้ โดยในปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากผู้โดยสารกลุ่ม Connecting Flight หรือ Network Passenger อยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากตัวเลขหลักเดียวในปี 2567 และยังเป็นส่วนช่วยเติมเต็มที่นั่งในช่วงโลว์ซีซัน ทำให้ธุรกิจมีความมั่นคงมากขึ้นตลอดทั้งปี
ภาพ : ถนนคนเดินหนานจิง ในเซี่ยงไฮ้ ถือเป็นถนนช้อปปิ้งที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
นอกจากนี้ การบินไทยยังได้เปิดเผยถึงสัดส่วนรายได้จากผู้โดยสารแบ่งตามภูมิภาค โดยยุโรปถือเป็นตลาดที่ทำรายได้สูงสุด คิดเป็นประมาณ 35% ของรายได้รวม ตามมาด้วยตลาดเอเชียไม่รวมจีนและอินเดีย ที่ประมาณ 30% ส่วนตลาดอื่นๆ จะแบ่งเป็นออสเตรเลียและอินเดียที่ประมาณกว่า 10% เท่ากัน ในขณะที่รายได้จากตลาดจีนอยู่ที่ประมาณ 5% ของรายได้รวมทั้งหมด
เปิดแผนรุกหนักตลาดจีน เจาะกลุ่มผู้โดยสารกำลังซื้อสูง
สำหรับในตลาดจีน ที่การบินไทยมีแผนจะเพิ่มความถี่และเปิดเส้นทางบินใหม่รวมถึงสิ้นปีนี้ และปี 2569 จากปัจจุบันเที่ยวบินของการบินไทยที่บินอยู่ 5 เมืองในจีน คือ เซี่ยงไฮ้, ปักกิ่ง, เฉิงตู, คุนหมิง และกว่างโจว รวม 42 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ยังคงมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ที่น่าพอใจ โดยในปัจจุบัน ช่วงโลว์ซีซัน คือเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งเป็นฤดูร้อนของจีน แต่มี Cabin Factor อยู่ที่ประมาณ 70% ต้นๆ และจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 80% ในช่วงไฮซีซั่นที่จะถึงนี้
โดยช่วงต้นปี 2569 มีแผนจะเพิ่มความถี่ในเส้นทางกว่างโจว และน่าจะเพิ่มเที่ยวบินใหม่ในเส้นทางปักกิ่ง จากจำนวน 7 เที่ยวบินเป็น 14 เที่ยวบินใน 2 เส้นทางบินดังกล่าว รวมทั้งมีแผนจะเพิ่มความถี่ของเส้นทางบินไป เมืองคยา ประเทศอินเดีย เพื่อรองรับช่วงไฮซีซั่น
อีกทั้งปี 2569 จะมีแผนจะเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางปักกิ่งและกว่างโจวเป็น Daily Flight วันละ 1 เที่ยวบิน โดยกลับมาเปิดเส้นทางบินใหม่สู่เมืองสำคัญอื่นๆ ซึ่งเคยบินในอดีตได้แก่ เซี่ยเหมิน, ฉงชิ่ง, ฉางซา
รวมทั้งเปิดเส้นทางบินใหม่ที่ยังไม่เคยมี อู่ฮั่น และเซินเจิ้น โดยทั้งหมดนี้จะเน้นการบินแบบ Daily Flight เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารจำนวน 1 เที่ยวบินต่อวันต่อเส้นทางบิน รวมทั้งมีแผนจะเพิ่มความถี่ของเส้นทางบินไป คยา ประเทศอินเดีย เพื่อรองรับไฮซีซั่น
โดยหลังเปิดการเปิดเส้นทางการบินใหม่ไปยังจีน รวมทั้งการเพิ่มความถี่ของเส้นทางการบินในเมืองเดิมของจีนที่มีอยู่เพื่อรองรับความต้องการการเดินทางของกลุ่มผู้โดยสารที่มากขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ ที่มาจากเส้นทางการบินจากจีนเพิ่มจากปัจจุบันที่อยู่ที่ 5% เพิ่มเป็นสัดส่วนประมาณไม่น้อยกว่า 20% ในปี 2569
เปิดแผนขยายฝูงบินระยะยาวเป็น 105 ลำ
ชาย อธิบายถึงแผนการขยายฝูงบินทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การบินไทยมีแผนเพิ่มจำนวนเครื่องบิน
แผนขยายฝูงบินระยะสั้น
- ปลายปี 2568 จะรับมอบเครื่องบินแอร์บัส A321neo จำนวน 2 ลำ และโบอิ้ง 787-9 เป็นเครื่องเช่าอีก 1 ลำ เพื่อเสริมทัพเส้นทางบินในภูมิภาคและเส้นทางระยะกลาง
- ปี 2569 จะรับมอบเครื่องบินแอร์บัส A321neo เพิ่มอีก 15 ลำ รวมเป็น 17 ลำภายในสิ้นปี
นอกจากนี้ ยังมีแผนจัดหาเครื่องบินเช่าลำตัวกว้างเพิ่มอีก 8-10 ลำ ภายในช่วงกลางปี 2569 เพื่อเติมเต็มช่องว่างของตลาด Long-haul ที่ยังไม่สมดุลกับเครื่องบินลำตัวแคบที่จะเข้ามาในระยะแรก
แผนขยายฝูงบินระยะยาว
- ปี 2571 เริ่มรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 787 ชุดใหม่จำนวน 6 ลำจากทั้งหมด 45 ลำที่ได้เซ็นสัญญาจัดหา รวม 35 ลำที่เป็นออปชัน เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวไว้ คือ การปรับโครงสร้างฝูงบินและจำนวนเครื่องบินให้มีประสิทธิภาพโดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีเครื่องบินจำนวน 150 ลำในปี 2576 โดยจะลดจำนวนแบบเครื่องบินจาก 8 แบบก่อนเข้าแผนฟื้นฟูกิจการเหลือเพียง 4 แบบ และลดจำนวนเครื่องยนต์จาก 9 แบบเหลือ 5 แบบ ส่งผลให้สามารถควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานและซ่อมบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในสนามบินสุวรรณภูมิจากปัจจุบันที่ 26% เป็น 35% ภายในปี 2572 เหมือนที่เคยทำได้ในอดีตที่ผ่านมา
เหตุขัดแย้งไทย-กัมพูชา ยังไม่กระทบ ยังบินได้ปกติ
นอกจากกลยุทธ์ทางธุรกิจแล้ว การบินไทยยังต้องรับมือกับพฤติกรรมผู้โดยสารที่เปลี่ยนแปลงไป ชายระบุว่า จากข้อมูล Advance Booking พบว่า ผู้โดยสารมีแนวโน้มที่จะจองตั๋วแบบระยะสั้นลงอย่างเห็นได้ชัด โดยระยะเวลาการจองล่วงหน้าลดลงเหลือเพียง 3-4 เดือน จากเดิมที่เคยจองล่วงหน้าถึง 6 เดือน โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย ซึ่งต่างจากตลาดยุโรปที่ยังคงมีพฤติกรรมการจองตั๋วล่วงหน้าระยะยาวเช่นเดิม พฤติกรรมนี้คาดว่าอาจมาจากนักเดินทางที่รอโปรโมชันหรือราคาพิเศษก่อนตัดสินใจซื้อตั๋ว
ขณะเดียวกัน การบินไทยยังคงติดตามสถานการณ์การเมืองและความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนของไทยกับกัมพูชาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินของการบินไทย โดยปัจจุบันเที่ยวบินไป-กลับพนมเปญ จำนวน 2 เที่ยวบินต่อวันยังคงให้บริการตามปกติโดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างไกล และจนถึงปัจจุบันยังไม่พบผลกระทบที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ชายเน้นย้ำว่าหน่วยงานต่างๆ และสื่อควรนำเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบต่อความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของประเทศในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ค่อนข้างอ่อนไหวต่อประเด็นดังกล่าว
มองประเทศไทยมี 5 จุด หนุนธุรกิจการบินไทย
ชาย ยังกล่าวต่อถึงจุดแข็งของการบินไทยที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการฟื้นตัว
- ภูมิศาสตร์ โดยประเทศไทยเป็นทำเลที่ตั้งที่ดีเยี่ยมสำหรับการเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค
- คุณภาพและปริมาณบุคลากร บริษัทฯ มีพนักงานและแรงงานที่มีคุณภาพพร้อมสำหรับอุตสาหกรรมการบริการ
- การบริการแบบไทย ซึ่งเป็นจุดเด่นระดับโลกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและเป็นจุดแข็งของธุรกิจการบินไทย
- ต้นทุนการผลิต ที่สามารถแข่งขันได้กับสายการบินคู่แข่งได้
- การสนับสนุนจากคนไทย ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง
“เราไม่เคยกลัวคู่แข่งจากภายนอก แต่สิ่งที่เราต้องระวังคือตัวเราเอง จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของการบินไทยคือ ตัวเราเอง หากองค์กรสามารถปรับปรุงแก้ไขข้อจำกัดภายในได้ การบินไทยก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และพร้อมที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต” ชายกล่าว
เดินหน้าลงทุนโครงการ MRO มูลค่า 10,000 ล้านบาท
ชาย เปิดเผยต่อถึงความคืบหน้าของโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) มูลค่าลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมเพื่อยื่นข้อเสนอให้กับคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ภายในกำหนดสิ้นเดือนกันยายนนี้
โดยยืนยันว่าการเตรียมการสำหรับโครงการนี้ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและมีความพร้อมอย่างเต็มที่ โดยระบุว่า “พร้อมครับ พร้อม” ซึ่งสะท้อนความมั่นใจของบริษัทในการเดินหน้าโครงการดังกล่าวในพื้นที่ EEC
คาดกลางปี 69 หุ้นการบินไทยจะติด SET50
ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกในขณะนี้คือ Supply Disruption หรือปัญหาการขาดแคลนกำลังการผลิต (Capacity) เนื่องจากปัญหาการส่งมอบเครื่องบินใหม่จากผู้ผลิตที่ล่าช้า รวมถึงเครื่องบินเก่าที่หมดสัญญาเช่าไม่ถูกปล่อยเข้าสู่ตลาด ทำให้การจัดหาเครื่องบินเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด
ในส่วนของการกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยอมรับว่าราคาหุ้นมีการผันผวนสูงในช่วงแรก โดยราคาเสนอขายหุ้นให้กับนักลงทุนก่อนหน้านี้อยู่ที่ 4.48 บาทต่อหุ้น ก่อนที่จะกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ด้วยราคาเปิดที่ 10.50 บาท และพุ่งขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 19.40 บาท ก่อนจะปรับตัวลงมาและซื้อขายในระดับที่ผันผวน
ทั้งนี้มองว่าการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดจากการเก็งกำไรในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องการให้หุ้นการบินไทยเป็น Value Share หรือหุ้นคุณค่าในระยะยาวมากกว่าการเป็นหุ้นสำหรับนักเก็งกำไร และคาดว่าจะมีคุณสมบัติพร้อมสำหรับการเข้าสู่ดัชนี SET50 ในช่วงกลางปี 2569 เนื่องจากปัจจุบันหุ้นของ THAI มีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์แล้ว ซึ่งขาดเพียงระยะเวลาในการเข้าซื้อขายในตลาดหุ้น หากครบแล้วก็มีโอกาสที่ได้รับเลือกเข้าคำนวณใน SET50
‘การบินไทย’ มั่นใจปี 68 รายได้เป็นไปตามเป้าที่ 1.9 แสนล้านบาท
ชายกล่าวต่อว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 บริษัทตั้งเป้าทำกำไรสุทธิสูงสุดในประวัติการณ์อยู่ที่ มีกำไรสุทธิ 21,973 ล้านบาท โดยประเมินจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนศักยภาพในการทำกำไรอย่างชัดเจน แม้ในช่วงโลว์ซีซั่นไตรมาส 2 ที่ปกติแล้วจะขาดทุนหรือมีกำไรน้อยมาก แต่การบินไทยกลับทำกำไรจากการดำเนินงานได้สูงถึงประมาณ 5,000-7,000 ล้านบาท ตัวเลขนี้ตอกย้ำว่าโมเมนตัมการเติบโตจะส่งผลให้กำไรของทั้งปีทุบสถิติสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา
ขณะที่คาดว่ารายได้ในทั้งปี 2568 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.9 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.8 แสนล้านบาท เพราะปีนี้ capacity เพิ่มไม่มาก โดยครึ่งปีแรกปี 68 ทำรายได้ 44,828 ล้านบาท และสามารถสร้าง EBITDA Margin ที่ 22.78% ซึ่งนับว่าสูงเป็นประวัติการณ์ด้วยเช่นกัน
พร้อมทั้งภาพรวมอุตสาหกรรมเฉลี่ย 11% และในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าการบินไทยจะสามารถรักษา EBITDA Margin ในระดับนี้ได้
“ตัวเลขกำไรในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาถือว่าสูงมากสำหรับช่วงโลว์ซีซั่น และเป็นข้อพิสูจน์ว่ากลยุทธ์ที่เรานำมาใช้ได้ผลจริง” ชายกล่าว