บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ออกแถลงการณ์ระบุว่า คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการและฝ่ายบริหารทุกคนขอยืนยันว่า บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของพนักงานที่ร่วมงานกับบริษัทฯ ในปัจจุบันทุกชีวิตและทุกระดับ ที่ส่วนใหญ่เป็นบุคลากรที่ร่วมแรงร่วมใจเสียสละความสุขและผลประโยชน์ส่วนตนสมัครใจลดเงินเดือนและเข้าสู่กระบวนการคัดกรองบุคลากรเข้าสู่โครงสร้างใหม่ในวันที่บริษัทฯ เข้าสู่การฟื้นฟูกิจการในช่วงปี 2563-2564 ที่ผ่านมา
ความเสียสละและร่วมมือของพนักงานในครั้งนั้น มิเพียงแต่เป็นปัจจัยสำคัญ แต่ยังเป็นเสมือนกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้พนักงานทั้งหมดได้หลอมรวมกันเอาประโยชน์ขององค์กรเป็นที่ตั้ง ร่วมกันขับเคลื่อนนำพาบริษัทฯ ให้สามารถก้าวผ่านวิกฤติที่นับว่าร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ขององค์กรมาได้จนถึงปัจจุบัน ที่บริษัทฯ สามารถบรรลุเงื่อนไขความสำเร็จของการฟื้นฟูกิจการครบถ้วนทุกเงื่อนไข และได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการและนำหลักทรัพย์ของบริษัทฯ กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งหนึ่ง
ด้วยความตระหนักในความสำคัญของพนักงานทุกคนดังกล่าว แม้จะอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการภายใต้ข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ บริษัทฯ ไม่เพียงแต่ไม่เคยลืมที่จะให้ความสำคัญกับการลงทุนกับ “คน” ของบริษัทฯ แต่ยังทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่เท่าที่สามารถทำได้ในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ โครงสร้างค่าตอบแทน และสวัสดิการอย่างต่อเนื่อง ให้มีความเหมาะสมกับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน ความเสียสละ และความทุ่มเทที่ได้ร่วมสร้างความสำเร็จของการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ ในปัจจุบัน
บริษัทฯ ขอยืนยันว่าการดำเนินการของบริษัทฯ ภายใต้การฟื้นฟูกิจการในทุกๆ ด้านเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย ข้อบังคับ และระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดตลอดมา
ต่อกรณีการปรับโครงสร้างองค์กรเมื่อบริษัทฯ เข้าสู่การฟื้นฟูกิจการ ซึ่งเป็นการกระทำภายใต้ขอบอำนาจในการบริหารจัดการทรัพย์สินอันเป็นความจำเป็นเพื่อให้บริษัทฯ สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ แต่ในขณะนี้มีอดีตพนักงานบางกลุ่มยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางมากล่าวอ้างว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่มีอำนาจ ซึ่งประเด็นดังกล่าวได้มีการหยิบยกขึ้นให้ศาลพิจารณาจนเป็นข้อยุติแล้วกลับมาขอศาลล้มละลายกลางอีกและขอให้ศาลมีคำสั่งให้การเลิกจ้างที่สืบเนื่องมาจากการปรับโครงสร้างองค์กร เป็นโมฆะ และต่อมาปรากฏว่าอดีตพนักงานกลุ่มดังกล่าวบางรายยังได้สื่อสารข้อมูลที่มีข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน มีเนื้อหาไปในทางกล่าวหาว่าบริษัทฯ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและมีการให้ร้ายผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการและผู้บริหารของบริษัทฯ
ซึ่งล้วนปฏิบัติหน้าที่ในการฟื้นฟูกิจการโดยสุจริต มุ่งในการรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอันมีลูกค้า เจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้น และพนักงานเป็นสำคัญตลอดมา ว่าใช้อำนาจมิชอบตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย ยักยอก ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของบริษัทฯ ซึ่งตกเป็นของเจ้าหนี้ภายใต้การฟื้นฟูกิจการโดยพลการ โดยไม่ขออนุญาตต่อศาลล้มละลายกลาง เป็นเหตุให้บริษัทฯ และบุคคลที่เกี่ยวข้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง นั้น
บริษัทฯ ขอยืนยันว่าบริษัทฯ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนในการสรรหาพนักงานเข้าสู่โครงสร้างใหม่ตลอดจนในการเลิกจ้างและมีการจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งรวมถึงการจ่ายค่าชดเชยภายหลังตามคำพิพากษาเมื่อคดีถึงที่สุดสำหรับกรณีพิพาทอื่น ๆ อันเป็นผลจากการดำเนินการดังกล่าว
บริษัทฯ จึงใคร่ขอความร่วมมือตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด ไม่เผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบให้แก่บุคคลอื่น เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อตัวท่าน บริษัทฯ หรือบุคคลที่สาม หรืออาจต้องตกเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดตามกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
‘การบินไทย’ เดินหน้ายื่นเรื่องยกเลิกฟื้นฟูกิจการ
ก่อนหน้านี้ ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า ว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ผู้บริหารได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อแจ้งผลสำเร็จของการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการและขอให้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ
ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ แผนฟื้นฟูกิจการที่ได้กำหนดไว้ บริษัทได้ดำเนินการเป็นผลสำเร็จดังนี้
- จดทะเบียนเพิ่มทุนทะเบียนของบริษัทฯ เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทุน โดยเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 บริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทุน
- ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยไม่เกิดเหตุผิดนัด ซึ่งนับตั้งแต่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการ จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการโดยไม่เกิดเหตุผิดนัด
- มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากการดำเนินงานหลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าเครื่องบิน ไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาทในช่วง 12 เดือน (ก่อนที่จะยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอให้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ) และมีส่วนของผู้ถือหุ้นตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ เป็นบวก
บริษัทฯมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าเครื่องบิน ไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาทในช่วง 12 เดือน ไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาทและส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท ตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ฉบับตรวจสอบ สำหรับสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีจำนวน 45,495 ล้านบาท
- มีการแต่งตั้งกรรมการใหม่ภายหลังจากมีการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งเป็นการประชุมผู้ถือหุ้นที่จัดขึ้นตามข้อกำหนดของแผนฟื้นฟูกิจการ ได้มีมติอนุมัติการกำหนดจำนวนกรรมการ การแต่งตั้งกรรมการเข้ามาใหม่ และการกำหนดกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทฯ และเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 บริษัทฯได้ดำเนินการจดทะเบียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในเรื่องดังกล่าวกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว