เป็นเวลาเกือบ 20 เดือนแล้ว นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด ที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรงและหนักหน่วงสุดจากวิกฤตครั้งนี้ แต่ยังไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลเลย คือ ธุรกิจสายการบิน
แม้ว่าที่ผ่านมาผู้ประกอบการในธุรกิจนี้จะเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากภาครัฐมาตลอด ผ่านการขอให้ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) เพื่อหล่อเลี้ยงธุรกิจ ประคับประคองการจ้างงาน แต่ในช่วงที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากภาครัฐเลย
“เรายังรอความหวังเรื่องซอฟต์โลน ซึ่งอยากได้ความชัดเจนว่าจะช่วยหรือไม่ช่วย อยากได้คำตอบแบบชัดๆ ไม่ใช่เงียบหายไปเลย เพราะเราจะได้จัดการปัญหาได้ถูก” ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.แอร์เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ซึ่งเขาเชื่อว่า “วันนี้รัฐบาลคงต้องช่วยเหลือเราแล้ว เพราะเขาเป็นคงสั่งให้เราหยุดทำการบิน”
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น ธรรศพลฐ์ยอมรับว่าผิดไปจากที่คาดการณ์ไว้พอสมควร เป็นเรื่องที่เราไม่คาดคิดว่าโรคนี้จะกลับมาระบาดใหม่อย่างรุนแรงจนรัฐบาลต้องสั่งล็อกดาวน์อีกครั้ง และครั้งนี้รัฐบาลก็สั่งให้เราหยุดบิน โดยที่ไม่รู้จะลากยาวไปอีกเท่าไร แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของบริษัทโดยตรง
“เรื่องสภาพคล่องมีปัญหาแน่นอนอยู่แล้ว เราคงต้องคุยกับแบงก์ หรือกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ว่า พอจะช่วยอะไรได้ก่อนบ้าง คงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไปก่อน เพราะเราก็ไม่คิดว่าจะต้องมาหยุดบินแบบนี้”
อย่างไรก็ตาม เรื่องปัญหาสภาพคล่องแม้จะมีแน่นอน แต่อาจจะเป็นเพียงชั่วคราวในช่วงนี้ เพราะก่อนหน้านี้บริษัทได้พยายามหาทางแก้ไปบ้างแล้ว โดยการหากลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามาช่วย รวมทั้งการปรับแผนนำเอา บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด (TAA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย AAV เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทน AAV
ธรรศพลฐ์กล่าวยืนยันว่า ดีลดังกล่าวยังคงเป็นไปตามแผนเดิม เพียงแต่ล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้บ้าง โดยในส่วนของผู้ถือหุ้นใหม่ที่จะเข้ามาซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพของบริษัทมูลค่า 3.15 พันล้านบาทนั้น น่าจะจบได้ภายในเดือนหน้า ส่วนเรื่องการนำหุ้น TAA ขาย IPO เข้าจดทะเบียนแทน AAV ตอนนี้อยู่ระหว่างปรึกษากับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปีนี้
“ตอนที่เราทำดีลนี้ เราก็เชื่อว่าสภาพคล่องใหม่ที่จะเข้ามาเพียงพออย่างแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าการล็อกดาวน์จะเกิดขึ้นอีกกี่ครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่มีใครคาดเดาได้ ดังนั้นเรื่องซอฟต์โลนเราก็ยังรอความหวังอยู่”