Tesla, Inc. ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของสหรัฐฯ ได้ออกมาเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทประจำไตรมาส 4 ปี 2021 พบว่ามีรายได้สุทธิ (Earnings) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 903 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 2,900 ล้านดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์ของ Refinitiv คาดการณ์ไว้ที่ 2,600 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้รวม (Revenue) ซึ่งยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายและหมายรวมถึงรายได้ที่มาจากมูลค่าของหุ้นในตลาด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 65% จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 17,700 ล้านดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 16,570 ล้านดอลลาร์
รายงานระบุอีกว่า Tesla มีกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 2.52 ดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.36 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่วนรายได้จากธุรกิจยานยนต์ ในฐานะธุรกิจหลักของ Tesla ขยายตัวขึ้นมาถึง 71% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ 15,970 ล้านดอลลาร์
ส่วน อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และผู้ก่อตั้ง Tesla ได้เข้าร่วมการประชุมกับนักลงทุนระบุว่า โรงงานผลิตของบริษัทเดินเครื่องไม่เต็มกำลังมาหลายไตรมาสแล้ว อันเป็นผลจากปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งคาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปในปีนี้ รวมถึงคาดการณ์ว่า Tesla น่าจะเผชิญปัญหาชิปขาดแคลนต่อไปในปีนี้ และในปีนี้ก็อาจจะไม่มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ด้วย เนื่องจาก Tesla ยังคงขาดแคลนชิปในการผลิตตามคำสั่งอยู่
ก่อนหน้านี้ Moody’s Investors Service เพิ่งจะปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัท Tesla ขึ้น 2 ขั้น สู่ระดับ Ba1 จากระดับ Ba3 คงแนวโน้มความน่าเชื่อถือของ Tesla เอาไว้ที่ ‘เชิงบวก’ และเชื่อมั่นว่า Tesla จะยังสามารถขยายฐานธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว และปรับปรุงศักยภาพด้านการทำกำไรได้อย่างมีนัยสำคัญ
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP