ความเคลื่อนไหวของ Tesla ในการหั่นราคารถยนต์ในจีนกลับมาดุเดือดอีกครั้ง เมื่อบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของ อีลอน มัสก์ สูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับ BYD ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนมียอดจำหน่ายรถยนต์เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่งต่างประเทศเป็นครั้งแรกในปี 2566
ปีที่แล้ว Tesla ได้ลดราคารถยนต์ลงเพื่อเรียกคืนส่วนแบ่งตลาดในจีนที่มีการแข่งขันสูง และเป็นการจุดประกายให้เกิดสงครามราคาในแดงมังกร ซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจของบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ของยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ
บรรดาผู้บริโภคชาวจีนได้หันมาสนใจรถยนต์ของ BYD ที่ใหม่กว่าและมีราคาถูกกว่า โดยในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในเซินเจิ้นมียอดจำหน่ายสูงกว่า Tesla ถึง 5 เท่าในตลาดจีน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าต้องสะเทือน! BYD เปิดตัว Seagull EV ขนาดเล็ก เคาะราคาเริ่ม 3.95 แสนบาท งัดจุดขายแบตเตอรี่ถูก-ปลอดภัย เจาะกลุ่มวัยรุ่น
- ‘BYD’ ยักษ์ใหญ่รถไฟฟ้าจีนเผยเทคโนโลยีใหม่ รองรับแรงกระแทกขั้นสุด ยกระดับประสบการณ์ขับขี่
- ‘BYD’ ประกาศกำไรปี 2022 พุ่งขึ้น 446% ขึ้นแท่นเจ้าตลาด EV จีน แม้ต้องหั่นราคาสู้ดุเดือด เผยปีนี้พร้อมบุกต่างประเทศ สหรัฐฯ-ยุโรป เปิดตัว 2 แบรนด์หรูปั๊มยอดขาย
บิล รัสโซ ผู้ก่อตั้ง Automobility บริษัทที่ปรึกษาในเซี่ยงไฮ้ และอดีตหัวหน้า Chrysler ในจีน กล่าวว่า การตัดสินใจของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกาในการลดราคาลงในเดือนตุลาคมที่ผ่านมานั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นทางเลือกที่ ‘อันตราย’ ซึ่งกระตุ้นให้ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมพากันทำตาม
“เห็นได้ชัดว่าแบรนด์รถยนต์ต่างประเทศกำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาด ดังนั้นเราจึงคาดว่าปี 2566 จะเป็นปีแรกที่แบรนด์รถยนต์ของจีนจะแซงหน้าแบรนด์ต่างประเทศในแง่ของยอดขาย” รัสโซกล่าว ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Automobility ปีที่แล้ว บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ของจีนมีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์รวมทั้งสิ้นประมาณ 47%
หวังชวนฟู ประธานกรรมการของ BYD ได้ออกมาคาดการณ์ว่า ยอดขายในช่วงไตรมาสแรกจะพุ่งขึ้นถึง 80% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และบรรดาคู่แข่งที่อ่อนแอจะ ‘ถูกกำจัด’ ออกจากตลาด
คำพูดของเขามีขึ้นหลังจากที่ทางกลุ่มบริษัทรายงานผลกำไรสุทธิที่ทะยานขึ้นมากกว่า 400% ในปี 2565 เป็น 1.66 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 2.4 พันล้านดอลลาร์)
ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ปีนี้ ส่วนแบ่งตลาดของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอิน-ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าของ BYD ในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้เพิ่มขึ้นจาก 34% ในปีที่แล้ว มาเป็นมากกว่า 40% ขณะที่ยอดขายของ Tesla นั้นลดลงเล็กน้อยเหลือ 7.8%
ล่าสุดในงาน Shanghai Auto Show ทาง BYD เพิ่งเปิดตัว Seagull EV รถยนต์ไฟฟ้า Hatchback ขนาดเล็ก เริ่มต้นเพียง 78,800 หยวน (ประมาณ 3.95 แสนบาท) ซึ่งวางแผนเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่
การตัดราคาของ Tesla และสงครามราคาที่จะเกิดขึ้นตามมาในบรรดาบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำส่วนใหญ่ในจีน คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดียวกันกับที่ปักกิ่งได้ลดเงินอุดหนุนจำนวนมากลง หลังจากที่ได้ใช้จ่ายเงินมากกว่า 1.20 แสนล้านดอลลาร์ มาตั้งแต่ปี 2552 เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้
จีนเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถยนต์โดยทั่วไปลดลง เนื่องจากจีนเพิ่งฟื้นจากการดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดอย่างเข้มงวด ซึ่งได้ชะลออัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศจีน (China Association of Automobile Manufacturers: CAAM) ได้ออกโรงเตือนว่า ปัจจุบันภาคธุรกิจนี้กำลังเผชิญกับ ‘จำนวนสินค้าคงคลังที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากและแรงกดดันด้านการดำเนินงาน’ โดยมียอดขายดิ่งลงในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ของต่างประเทศเคยประกาศว่า จีนเป็นตลาดหนึ่งที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเนื่องจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าชะลอตัวลง
ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2566 ยอดขายรถยนต์ของบริษัทจีนอ่อนตัวลงประมาณ 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว กลุ่มบริษัทรถยนต์ของเยอรมนีลดลง 21% บริษัทรถยนต์ของญี่ปุ่นลดลง 40% ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเกาหลีใต้ลดลง 25% และผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯ ลดลง 13%