สถานการณ์การระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา ทำให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ เปิดตลาดเมื่อวานนี้ (26 กรกฎาคม) ปรับตัวอยู่ในแดนลบ ก่อนที่รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ดีเกินคาด ช่วยฟื้นความมั่นใจของนักลงทุน ทำให้ตลาดวอลล์สตรีทพลิกกลับมาปิดตลาดในแดนบวก
โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 82.76 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 35,144.31 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 10.51 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 4,422.30 จุด และดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 3.72 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 14,840.71 จุด
ทั้งนี้ หุ้นของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด นำโดย Tesla หลังรายได้สุทธิของบริษัทในไตรมาส 2 มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อีกทั้งยังเป็นรายได้สุทธิรายไตรมาสที่เกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกของ Tesla
บรรดานักลงทุนต่างเฝ้ารอรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon และ Facebook และภาคอุตสาหกรรมอย่าง Boeing รวมถึงผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ในวันพุธที่ 28 กรกฎาคมนี้ ที่คาดว่า Fed จะคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป แต่ถ้อยแถลงของ Fed น่าจะบอกใบ้ว่าธนาคารกลางแห่งนี้จะเริ่มลดระดับโครงการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนเมื่อไร
ข้ามฟากมาที่สถานการณ์ตลาดหุ้นเอเชีย ปิดตลาดปรับตัวลดลงทั่วหน้า สวนทางกับตลาดหุ้นวอลล์สตรีท เนื่องจากสถานการณ์การระบาดอย่างโควิดสายพันธุ์เดลตายังน่าวิตกกังวล บวกกับปัญหาในเรื่องของการควบคุมการระบาดและการกระจายฉีดวัคซีน ทำให้นักลงทุนคลายความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค
เมื่อวานนี้ ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงปรับตัวร่วงหนักที่สุดถึง 4.13% ปิดตลาดที่ 26,192.32 จุด โดยนอกจากสถานการณ์ของโควิดแล้ว ฮ่องกงยังได้รับผลกระทบจากนโยบายคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยีและสถาบันกวดวิชา ทำให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและการศึกษาร่วงหนัก ฉุดภาพรวมตลาดโดยรวมให้ร่วงตาม
รายงานระบุว่า หุ้น Tencent ลดลงถึง 7.72% Alibaba ลดลง 6.38% และ Meituan ลดลง 13.76%
ด้านดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตของจีนลดลง 2.34% มาอยู่ที่ 3,467.44 จุด โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าทิศทางของตลาดหุ้นของจีนตลอดทั้งสัปดาห์นี้อาจเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากผลการหารือระหว่างรองรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีนกับสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (26 กรกฎาคม) จบลงด้วยความสัมพันธ์ของสองชาติมหาอำนาจที่เข้าสู่ภาวะหยุดชะงัก
ขณะที่ตลาดภาพรวมของเอเชียแปซิฟิกก็ปิดตลาดปรับตัวลดลงเล็กน้อยเช่นกัน โดยดัชนีคอสปีของเกาหลีใต้ลดลง 0.91% ปิดที่ 3,224.95 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ของออสเตรเลียปิดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 7,394.30 จุด ขณะที่ดัชนี MSCI ของเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่นลดลง 2.15%
ด้านราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสงวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 16 เซนต์ ปิดที่ 71.91 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ ปิดที่ 74.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์ (26 กรกฎาคม) ปิดลบเล็กน้อย และแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 2.60 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 1,799.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
อ้างอิง: