ตั้งแต่เปิดปี 2020 เป็นต้นมา หุ้นของ Tesla (TSLA) บริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีแบตเตอรี่และรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายังคงเป็นหนึ่งในหุ้นที่เดินหน้าปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โรคระบาด และความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งระหว่างประเทศ
ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ หุ้นของ Tesla ได้ทำ New High โดยเปิดตลาดของวันที่ 883.75 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะดีดตัวขึ้นไปอยู่ที่ 961.86 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลาประมาณ 15.30 น. และปิดตลาดของวันที่ 887.06 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่งผลให้มูลค่าบริษัท Tesla ตามราคาตลาด ณ ปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 159,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5 ล้านล้านบาทแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมาที่ THE STANDARD เคยนำเสนอข่าวหุ้น Tesla ทำ All Time High ที่ 524.86 ดอลลาร์สหรัฐไป มูลค่าบริษัทตามราคาตลาดเพิ่งจะปรับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 94,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.86 ล้านล้านบาท
โดยตลอด 2 วันที่ผ่านมา หุ้นของ Tesla ได้ปรับตัวขึ้นสูงกว่า 36% แล้ว ขณะที่ตั้งแต่เปิดปี 2020 ที่ผ่านมา หุ้นของ Tesla ปรับตัวขึ้นสูงกว่า 107% หรือเกินเท่าตัว (ข้อมูลล่าสุดนับจนถึงช่วงปิดตลาดวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) ซึ่งถ้านับย้อนหลังกลับไปเทียบกับเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว จะพบว่าปัจจุบันหุ้นของผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายนี้ดีดตัวขึ้นมาสูงกว่า 274% เลยทีเดียว
นักวิเคราะห์หลายรายให้ความเห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันว่าการที่หุ้นของ Tesla ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้เป็นผลมาจากความนิยมของเทรนด์การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เริ่มแพร่หลายไปทั่วโลก ความสามารถของบริษัท Tesla ที่สามารถส่งมอบรถได้ทันออร์เดอร์เริ่มทำกำไรสุทธิได้ติดต่อกันในช่วงสองไตรมาสล่าสุด (Q3-Q4 2019) ตลอดจนการที่บริษัทได้เปิดโรงงานแห่งใหม่ในจีน และเตรียมจะเปิดอีกแห่งที่เยอรมนีในช่วงปี 2021
ด้าน The New York Times อ้างคำให้สัมภาษณ์ของ ARK บริษัทบริหารจัดการด้านการลงทุนที่เชื่อว่าหุ้น Tesla น่าจะขยับขึ้นสูงกว่า 7,000 ดอลลาร์สหรัฐในอีก 5 ปีต่อจากนี้ โดยอิงจากความสามารถของบริษัทในการเริ่มทำกำไรพร้อมกับการลดค่าใช้จ่ายในการผลิต และการสร้างเครือข่ายรถแท็กซี่ไร้คนขับเต็มรูปแบบในอนาคต
ถึงอย่างนั้นก็ดี ความเห็นของ วิกกี้ ไบรอัน ซีอีโอบริษัทวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลตลาดหุ้น Bond Angle กลับมองต่างออกไป โดยเธอเชื่อว่าต้องตามดูกันยาวๆ ว่า Tesla จะสามารถทำผลงานในปี 2020 นี้ได้ดีแค่ไหน เพราะโดยปกติแล้ว Tesla จะสามารถทำผลงานได้ดีเมื่อเริ่มเจาะตลาด
ใหม่ๆ โดยได้รับอานิสงส์จากภาษีของผู้ซื้อ แต่ในระยะยาวพวกเขาจะประสบกับปัญหาการดันยอดขายให้โตต่อเนื่อง
นอกจากนี้อีกหนึ่งประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือการควบคุมคุณภาพด้านความปลอดภัยของตัวรถ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มักมีข่าวอุบัติเหตุจากการใช้งานรถ Tesla ในโหมดกึ่งอัตโนมัติปรากฏตามหน้าสื่ออยู่บ่อยๆ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: