ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ Tesla กำลังประสบปัญหาผลประกอบการตกอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดเผยล่าสุดของบริษัทช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2017 ที่ผ่านมาพบว่า พวกเขาขาดทุนไปมากกว่า 675 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 21,478 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์บริษัท สาเหตุเกิดจากกระบวนการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Model 3 ที่ล่าช้า ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และไม่สามารถจัดส่งถึงมือลูกค้าได้ทันความต้องการ
หลังเสร็จสิ้นจากการควบคุมดูแลโปรเจกต์ Falcon Heavy ของ SpaceX อีลอน มัสก์ (Elon Musk) จัดแจงต่อสายประชุมทางไกลกับกลุ่มนักลงทุนบริษัท Tesla เมื่อวันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ เพื่อแจ้งข้อมูลที่สำคัญ ตั้งแต่ผลประกอบการบริษัทไปจนถึงปัญหาต่างๆ ที่บริษัทกำลังเผชิญอยู่ ณ ขณะนี้
ปัญหาใหญ่สุดที่ Tesla ต้องเผชิญมาตลอดนับตั้งแต่ประกาศเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Model 3 เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วคือความล่าช้าของกระบวนการผลิตรถยนต์ราคาประหยัดรุ่นดังกล่าวให้เพียงพอตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก โดยไตรมาสล่าสุดของปี 2017 Tesla ต้องสูญเสียรายได้ไปกว่า 675 ล้านเหรียญสหรัฐ จากรายรับรวมที่ 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 105,000 ล้านบาท
ขณะที่เมื่อไตรมาส 3 ของปี 2017 ที่ผ่านมานี้ พวกเขาเพิ่งจะประสบกับสภาวะขาดทุน 619 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 20,500 ล้านบาทไปหมาดๆ ซึ่ง Tesla และอีลอน มัสก์ได้อธิบายถึงสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งฉุดรั้งให้บริษัทผลิต Model 3 ได้ช้าเกินกว่ากำหนดไว้ว่า เกิดจากศักยภาพการผลิตแบตเตอรี่ที่ไม่เข้มแข็งเพียงพอ
มัสก์กล่าวผ่านการประชุมทางไกลว่า “ถ้าเราสามารถส่ง Roadster ไปยังแถบดาวเคราะห์น้อยได้ พวกเราก็อาจจะแก้ปัญหากระบวนการผลิต Model 3 ได้ด้วย มันขึ้นอยู่กับเวลาแล้วตอนนี้”
มัสก์ยังตั้งเป้าหมายเดิมในช่วงปิดไตรมาส 2 ของปี 2018 ไว้ว่า บริษัทยังต้องการจะผลิต Model 3 ให้ได้มากกว่า 5,000 คันต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอต่อการส่งมอบให้ถึงมือลูกค้า แต่ท่ามกลางข่าวร้ายของบริษัท ก็ยังมีข่าวดีให้พอชื้นใจได้บ้าง เมื่อหุ้นของ Tesla มีราคาซื้อขายนอกเวลาทำการเพิ่มขึ้นกว่า 1.7%
“เราสามารถพูดด้วยความมั่นใจได้ว่าพวกเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ปัญหากระบวนการผลิตที่กระจุกตัวเป็นคอขวด (ผลิตรถยนต์ได้แต่ผลิตแบตเตอรี่ได้ไม่ทัน) ซึ่งวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้จะเห็นผลได้จากจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้เพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของไตรมาส 1 ถึง 2 นี้” มัสก์กล่าว
ในกรณีที่ Tesla สามารถแก้ปัญหาการผลิต Model 3 ได้จริง นอกจากจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทโตขึ้นอย่างมหาศาลแล้ว โอกาสของ Tesla ในการเจาะตลาดรถยนต์ระดับแมสและรถยนต์พลังงานไฟฟ้าราคาประหยัดก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
อ้างอิง: