ยังคงอยู่ในเส้นทางการเติบโตและกอบโกยรายได้อย่างต่อเนื่องสำหรับ Tesla บริษัทผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและเทคโนโลยีแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน เมื่อพวกเขาได้ออกมาเปิดเผยรายได้ของบริษัทช่วงไตรมาสแรกของปี 2021 และพบว่า Tesla มีรายได้รวมที่ 10,389 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 326,375 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 74% และสามารถทำกำไรสุทธิได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัทที่ระดับ 438 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 13,760 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ 2,638% เลยทีเดียว
เมื่อจำแนกตามยอดการจัดส่งรถยนต์ไฟฟ้าให้กับลูกค้า Tesla จัดส่งรถในช่วงไตรมาส 1 ปี 2021 ไปแล้วทั้งสิ้น 184,800 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 109% โดยจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ทั้งหมดในไตรมาสนี้อยู่ที่ 180,388 คัน (มียอดผลิตที่อยู่ในสต๊อก) จำแนกเป็นการจัดส่งรถไฟฟ้า Tesla Model S/X ที่ 2,020 คัน และยอดการผลิตและจัดส่ง Model 3/Y ที่ 180,338 คัน และ 182,780 คัน ตามลำดับ
นอกเหนือจากประเด็นการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีเทน้ำเทท่าไปจนถึงศักยภาพการผลิตจากจีน ที่ช่วยให้ Tesla สามารถยกระดับความสามารถในการทำกำไรได้อย่างโดดเด่นนั้น มีการเปิดเผยอีกด้วยว่า ในช่วงระหว่างไตรมาสนี้พวกเขาได้ขายสินทรัพย์ดิจิทัลไปทั้งสิ้น 272 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8,545 บาท หลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พวกเขาได้เข้าซื้อบิตคอยน์ไปทั้งสิ้น 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเพิ่มช่องทางการลงทุน กระจายความเสี่ยง และเปิดรับการชำระซื้อรถยนต์ด้วยสินทรัพย์รูปแบบดังกล่าว
ขณะที่ อีลอน มัสก์ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Tesla เผยว่า การขายบิตคอยน์ในครั้งนี้ของ Tesla เทียบเท่าการขายบิตคอยน์ในสัดส่วน 10% จากสินทรัพย์ดิจิทัลหรือบิตคอยน์ที่พวกเขามีทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งเป็นการขายออกไปเพื่อพิสูจน์สภาพคล่องของบิตคอยน์ในแง่ของการเป็นทรัพย์สินทางเลือกในบัญชีงบดุลบริษัท ซึ่งโดยส่วนตัวมัสก์แล้ว เขาไม่ได้จำหน่ายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ตัวเองถืออยู่ในพอร์ตออกไปแต่อย่างใด
อ้างอิง:
- https://ir.tesla.com/press-release/tesla-q1-2021-vehicle-production-deliveries
- https://tesla-cdn.thron.com/static/R3GJMT_TSLA_Q1_2021_Update_5KJWZA.pdf?xseo=&response-content-disposition=inline%3Bfilename%3D%22TSLA-Q1-2021-Update.pdf%22
- https://www.cnbc.com/2021/04/26/tesla-tsla-earnings-q1-2021-.html?utm_content=Main&utm_medium=Social&utm_source=Twitter#Echobox=1619468314