เว็บไซต์ข่าว Finance Times รายงานอ้างอิงแหล่งข่าววงใน ซึ่งออกมาเปิดเผยว่า ทาง Tesla Motors ค่ายผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำสัญชาติอเมริกัน เตรียมจัดส่งทีมสำรวจสถานที่มายังอินเดียในช่วงเดือนเมษายนนี้ เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามูลค่า 2-3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลอินเดีย นำโดยนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี อนุมัติมาตรการดึงดูดการลงทุนด้วยการลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าสำหรับค่ายรถที่มีแผนที่จะสร้างโรงงานผลิตในอินเดียภายในเวลา 3 ปีนี้
ด้านผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับแผนการลงทุนในอินเดียของ Tesla เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะส่งทีมงานจากสหรัฐอเมริกาไปยังอินเดียภายในช่วงปลายเดือนเมษายน เพื่อศึกษาสถานที่สำหรับสร้างโรงงานแห่งใหม่ เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นพื้นที่รัฐที่เป็นศูนย์กลางยานยนต์อยู่แล้ว เช่น รัฐมหาราษฏระและรัฐคุชราต ทางตะวันตก และรัฐทมิฬนาฑู ทางตอนใต้
แม้ว่าผู้ผลิตรถยนต์บางราย ซึ่งมีโรงงานในรัฐหรยาณา ที่อยู่ติดกับกรุงนิวเดลี คาดว่า Tesla อาจสำรวจพื้นที่ที่มีศักยภาพรอบๆ เมืองหลวงไปด้วย แต่แหล่งข่าวอีกรายหนึ่งกล่าวว่า บริษัทของ อีลอน มัสก์ จะมุ่งเน้นที่อีก 3 รัฐ เนื่องจากมีท่าเรือ ทำให้การส่งออกรถยนต์ทำได้ง่ายขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า การลงทุนที่ได้รับการยืนยันของ Tesla จะกลายเป็นแรงหนุนสำคัญสำหรับรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีโมดี ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเริ่มขึ้นในเดือนเมษายนนี้ โดยโมดีได้เชิญชวนให้มัสก์ลงทุนในอินเดียเมื่อทั้งสองพบกันระหว่างการเยือนสหรัฐอเมริกาของโมดี โดยมัสก์กล่าวในขณะนั้นว่า โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะตั้งอยู่ในอินเดียโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ทั้งนี้ เบื้องต้นทาง Tesla คาดว่า โรงงานจะสามารถผลิตรถยนต์ได้มากถึง 500,000 คันต่อปีเมื่อเต็มกำลังการผลิต ขณะเดียวกัน Tesla อาจพิจารณาสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองตามโมเดล ‘Gigafactory’ ที่บริษัทได้ดำเนินการตามโรงงานในแคลิฟอร์เนีย เท็กซัส เบอร์ลิน และเซี่ยงไฮ้ ซึ่งซัพพลายเออร์ได้ตั้งร้านค้าใกล้กับโรงงานแม่
แม้จะเป็นความเคลื่อนไหวที่แสดงให้เห็นการขยายฐานตลาดรถยนต์ไฟฟ้า Tesla กระนั้น เพอร์ เลคันเดอร์ ผู้จัดการกองทุน Hedge Fund ที่ชอร์ต Tesla เตือนว่า หุ้นของ Tesla มีโอกาสร่วงลงเหลือ 14 ดอลลาร์สหรัฐ เกิดขึ้นหลังจากที่ Tesla เปิดเผยรายงานการส่งมอบรถยนต์ 386,810 คันในไตรมาสแรกของปี ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ตลาดต่ำสุดอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ เลคันเดอร์ให้เหตุผลหลายประการสำหรับมุมมองเชิงลบของตนเองที่มีต่อ Tesla โดยระบุว่า ปัจจุบันรูปแบบธุรกิจของ Tesla ขึ้นอยู่กับการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง การบูรณาการในแนวดิ่ง และการขายตรงสู่ผู้บริโภค โดยการบูรณาการในแนวดิ่งนี้หมายถึงการที่บริษัทหนึ่งจัดการภายในหลายส่วนของกระบวนการพร้อมกันทั้งหมด ตั้งแต่การผลิตรถยนต์ไปจนถึงซอฟต์แวร์ โดยโมเดลนี้จะยอดเยี่ยมเมื่อบริษัทอยู่ในช่วงเติบโต แต่จะพลิกกลับเมื่อยอดขายลดลง
นอกจากนี้เจ้าตัวยังชี้ว่า ปัญหาในไตรมาสแรกของ Tesla ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุผลที่บริษัทอ้างถึง เช่น การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน แต่กลับกลายเป็นปัญหาอุปสงค์ โดยตามข้อมูลของเลคันเดอร์พบว่า รถยนต์ 2 รุ่น ได้แก่ Model 3 และ Model Y ถือเป็นยอดขายส่วนใหญ่ของผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ โดยที่ยังไม่มีวี่แววรถยนต์โมเดลใหม่ที่จะออกสู่ตลาดจนกว่าจะถึงปี 2025 ดังนั้นเลคันเดอร์จึงยังไม่เห็นเหตุผลใดๆ ที่จะหนุนการฟื้นตัวของ Tesla ในช่วง 2 ปีข้างหน้านี้
อ้างอิง:
